xs
xsm
sm
md
lg

PLANET #3: โบอิงดิ่งหลุมอากาศอีกแล้ว คิวหน้าจะเป็นใคร!! มาดูกูรูการบินแนะนำความปลอดภัยเถิด เผื่อจะต้อง “หวิว” กลางเวิ้งฟ้าด้วยตนเอง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:


ผู้เชี่ยวชาญออกมาเตือนกันนักหนาว่า อุบัติการณ์เครื่องบินตกหลุมอากาศแรงๆ อย่างปุบปับไม่ให้เวลากัปตันได้หลบหลีกหรือแจ้งเตือนภัยทันท่วงที นั้น จะเกิดบ่อยขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งฝันร้ายของนักเดินทางจะกลายเป็นเรื่องสามัญประจำบ้านกันเลยทีเดียว ความระทึกขวัญล่าสุดไปเกิดขึ้นกับเครื่องโบอิง 787 ของสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ ที่เดินทางจากกรุงโดฮา ไปยังกรุงดับลิน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม 2024 ห่างจากกรณีเหตุระทึกขวัญของสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์เพียงแค่ 5 วัน ในเมื่อเทคโนโลยีแห่งฟากฟ้าอากาศยังไม่พัฒนาเพียงพอที่จะทำนายอุบัติกาลของสภาพอากาศแปรปรวนกลายเป็นหลุมอากาศได้แบบเรียลไทม์ ผู้โดยสารจึงต้องป้องกันตนเองให้สุดความสามารถ ในการนี้เดลิเมลออนไลน์นำเสนอเคล็ดลับความปลอดภัยขณะอยู่ระหว่างไฟล์ท ซึ่งได้จากสามเซียนผู้รอบรู้เกี่ยวกับการเดินทางด้วยเครื่องบิน เอามาแนะนำเพื่อช่วยหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บเสียหาย หรืออย่างน้อยก็ผ่อนหนักเป็นเบา ขณะประสบกับสภาวะอากาศแปรปรวนในระหว่างไฟล์ทบิน ภาพสองภาพด้านซ้ายเป็นผู้โดยสารชายที่เล่าเหตุการณ์ขวัญกระเจิงภายในช่วงที่ตกหลุมอากาศ โดยเขาหันหลังให้นักข่าวของสถานี RTC ของประเทศไอร์แลนด์ ดูว่ากางเกงของเขาฉีกขาดในช่วงโกลาหล ส่วนภาพขวาเป็นคลิปเหตุการณ์ที่เดลิเมลออนไลน์นำมาประกอบข่าวให้สาธารณชนได้เห็นภาวะตึงเครียดเฉียดตายที่ผู้โดยสารเกร็งสุดๆ ในเวลาที่เครื่องบินสั่นสะท้านและร่วงดิ่งลงไปหลายร้อยฟุต ก่อนจะกระเด้งกลับขึ้นสู่ระดับความสูงเดิม บนพื้นเต็มไปด้วยสิ่งของที่ตกเกลื่อนไปทั่ว
แม้จะยืนยันกันมากมายว่า มันเป็นอะไรที่ยากจะอุบัติขึ้นจริงๆ ที่สภาวะอากาศปั่นป่วนสาหัสจะโจมตีเครื่องบินได้อย่างดุเดือดและปุบปับขั้นสุด ดั่งกรณีของสิงคโปร์แอร์ไลน์ เมื่อวันอังคารที่ 21 พฤษภาคม 2024 ซึ่งส่งผลให้โบอิงไซส์ซูเปอร์จัมโบ 777-300 อีอาร์ ตกหลุมอากาศ Air pocket ครั้งร้ายแรง เหวี่ยงขึ้น ร่วงลง ในกรอบเวิ้งฟ้า 400 ฟุตเหนือระดับ 37,000 ฟุต ภายในชั่วเวลาเพียง 3 นาที

แต่วันคืนเคลื่อนผ่านไปแค่ 6 วัน อุบัติเหตุเครื่องบินประสบภาวะอากาศแปรปรวนและตกหลุมอากาศ ก็เกิดขึ้นกับโบอิง B787-9 Dreamliner ของสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ส เที่ยวบินที่ QR017 ในวันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม 2024 ที่ออกเดินทางจากกรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ เวลา 04.52 น. ไปยังกรุงดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ ก่อนเวลา 13.00 น. โดยมีลูกเรือได้รับบาดเจ็บ 6 ราย และผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ 6 ราย จากจำนวนทั้งสิ้นมากกว่า 200 ราย

ท่านผู้โดยสารจึงไม่ควรนิ่งนอนใจกับภยันตรายเรื่องนี้ เพราะโอกาสที่จะหลีกเลี่ยงหรือผ่อนหนักเป็นเบา มีอยู่ไม่ใช่น้อยๆ ต่อให้ไปเจอกับระดับความปั่นป่วนดุเดือดน้อยกว่าที่เที่ยวบิน SQ321 เผชิญก็ตาม ประสบการณ์เยี่ยงนี้ก็ล้วนแต่อันตรายและไม่น่าปล่อยปละละเลย

เรื่องแรกและสำคัญอันดับท็อปคือ เมื่อเครื่องบินโดนโจมตีจากสภาพอากาศปั่นป่วนและตกหลุมอากาศ ผู้โดยสารบนที่นั่งส่วนไหนของเครื่องจะปลอดภัยที่สุดและลำบากน้อยกว่าใครๆ ในทางตรงกันข้าม ผู้โดยสารบนที่นั่งส่วนไหนมีความเสี่ยงว่าจะโดนหนักพิเศษ

อดีตนักบินผู้คร่ำหวอดกับสารพัดเหตุด่วนเหตุร้ายจากภัยกลางอากาศ นามว่า กัปตันเทอร์รี โทเซอร์ เล่าเบื้องต้นก่อนสิ่งอื่นใดว่า ในแต่ละครั้งที่ออกบิน กัปตันประจำเครื่องจะได้รับแฟ้มข้อมูลต่างๆ ซึ่งรวมถึงข้อมูลพยากรณ์อากาศซึ่งจะเตือนถึงบริเวณที่มีโอกาสจะเผชิญภัยหลุมอากาศ ดังนั้น กัปตันจะวางแผนล่วงหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา อาทิ จะบินอ้อมไปข้างๆ ลอดไปข้างใต้ ฯลฯ

พร้อมกันนี้ กัปตันเทอร์รี โทเซอร์ บอกด้วยว่าเท่าที่มีข้อมูลอยู่นั้น ยังไม่เคยเห็นกรณีตกหลุมอากาศครั้งไหนที่ร้ายแรงเท่ากับความสาหัสซึ่งสิงคโปร์แอร์ไลน์ SQ321 ได้ประสบมา นอกจากนั้นการที่สิ่งชี้บ่งถึงสภาพอากาศแปรปรวนและหลุมอากาศ ปรากฏเพียงครู่เดียว แล้ววิกฤติการณ์ก็แผลงฤทธิ์ออกมาเลยนั้น “นับว่าประหลาดอย่างยิ่ง”

เชอริล ซูเกอร์ (ภาพบน) ผู้โดยสารของกาตาร์ แอร์เวย์ส เล่าว่าในจังหวะที่กำลังจะเกิดเหตุการณ์ตกหลุมอากาศ “เครื่องบินเหมือนจะหยุด แต่ก็ไม่ได้หยุด มันร่วงฮวบลงไปอย่างดุเดือดมากค่ะ โชคดีที่กัปตันควบคุมสถานการณ์ไว้ได้อย่างรวดเร็ว คือ ตอนนั้นดิฉันคิดว่าเครื่องบินคงจะดิ่งลงไปไม่หยุด อย่างไรก็ตาม สองคนที่นั่งข้างหน้าดิฉัน โชคร้ายที่สุดเลยค่ะ เขาไม่ได้รัดเข็มขัดนิรภัย และถูกเหวี่ยงหลุดออกจากที่นั่ง ขึ้นไปฟาดศีรษกับเพดาน” ด้าน มูฟัดดัล อาลี (ภาพล่าง) ผู้โดยสารอีกรายหนึ่งเล่าว่า “เหตุการณ์ตกหลุมอากาศราว 10-15 วินาทีนั้น น่ากลัวเหลือเกิน เป็น 15 วินาทีที่เลวร้ายที่สุดของชีวิต อาหารกระจัดกระจายไปทั่ว หลายคนถูกเหวี่ยงลอยเหมือนกำลังบิน” เดอะการ์เดียนรายงาน
ที่นั่งตรงไหนบนเครื่องบินคือดีที่สุดสำหรับสถานการณ์ตกหลุมอากาศ

กัปตันเทอร์รีบอกกับเดลิเมลออนไลน์แทรเวิล ถึงเคล็ดลับของเครื่องบินว่า

“เครื่องบินเดินทางไปในอากาศได้เพราะมีแรงพยุงปีกทั้งสอง ดังนั้น พื้นที่ซึ่งคุณจะรู้สึกถึงแรงสะเทือนของอากาศปั่นป่วนได้น้อยกว่าทุกคน คือพื้นที่ซึ่งอยู่เหนือปีกสองข้างครับ

“แต่มันไม่ถึงกับจะทำให้คุณปลอดพ้นแรงเขย่าสะเทือนได้ทั้งหมดนะ

“ผมเคยสัมผัสกับความรู้สึกตอนที่เครื่องถูกโยนขึ้นไปสูงลิ่ว พุ่งขึ้นแบบว่าแทบจะเป็นแนวตั้งฉาก มันคือสุดยอดแย่ครับ ในเครื่องบินที่ยาวและผอมน่ะ ที่นั่งบริเวณส่วนหัวเครื่องกับส่วนท้ายเครื่องจะเจอพลังการเด้งขึ้น ดิ่งลง มากกว่าที่นั่งตรงกลางเครื่องเสมอครับ”

อย่านั่งใกล้ห้องเตรียมอาหารเสิร์ฟผู้โดยสาร

ผู้เชี่ยวชาญรายที่ 2 นามว่า นิกกี เคลวิน บรรณาธิการเว็บไซต์ท่องเที่ยว “เดอะพอยท์กาย” ให้สัมภาษณ์เดลิเมลออนไลน์ว่า

“ผู้โดยสารอาจเลือกที่นั่งตอนกลางของเครื่อง บริเวณเหนือปีกทั้งสอง เพราะจะได้ความรู้สึกว่าเส้นทางราบรื่นมากกว่า แต่คุณก็ต้องอยู่ให้ห่างห้องเตรียมอาหารที่แอร์โฮสเตสทำงานนะ พวกข้าวของเครื่องใช้มากมายในห้องเตรียมอาหาร อาจถูกเหวี่ยงออกมาเป็นวิถีโค้งตอนที่เครื่องบินเจอกับสภาพอากาศแปรปรวน”

เลือกเก้าอี้ริมหน้าต่างเสมอ

บ.ก.นิกกี บอกด้วยว่า “เล็งๆ ที่นั่งติดหน้าต่างก็จะเป็นการดี จะได้เลี่ยงความเสี่ยงที่จะไปกระแทกจังๆ ช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะ เพราะฝาเปิดปิดช่องมักจะกระเด้งเปิดออกในเวลาตกหลุมอากาศ”

ภาพจากอุบัติเหตุของเครื่องโบอิงสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ ที่สจ๊วตเจย์ โรเบิร์ต ลูกเรืออาวุโสของสายการบินเอมิเรตส์ และผู้บริหารเครือข่าย Fly Guy’s Cabin Lounge Network  นำขึ้นบนอินสตาแกรมตั้งแต่วันที่ 21 พฤษภาคม โดยเจย์ โรเบิร์ต ทำลูกศรชี้ไปที่คราบโลหิตจากศีรษะของผู้เคราะห์ร้าย ซึ่งปรากฏเป็นรอยใหญ่เห็นชัดเจนบนฝาปิดเปิดช่องเก็บสัมภาระติดเพดานห้องโดยสาร ภาพนี้เป็นอุทธาหรณ์อย่างดีที่จะโปรโมทให้ผู้คนใส่ใจกับคำแนะนำว่าควรรัดเข็มขัดนิรภัยเสมอขณะอยู่ในเส้นทางการบิน ภาพนี้ปรากฏในคลิปที่ถ่ายด้วยกล้องวิดีโอของโทรศัพท์มือถือ หลังจากที่มีการอพยพผู้คนออกจากเครื่องบินเรียบร้อยแล้ว โดยสจ๊วต โรเบิร์ต เขียนบรรยายเหตุการณ์ด้วยข้อมูลเวอร์ชั่นแรกของ FlightRadar 24 ที่บอกว่าเครื่องบินร่วงจากระดับความสูง 37,000 ฟุต สู่ระดับ 31,000 ฟุต อันเป็นเวอร์ชันก่อนที่จะปรับปรุงข้อมูลเป็นอีกเวอร์ชันหนึ่งในวันถัดมาว่า เครื่องบินร่วงไม่มาก แล้วถูกโยนขึ้นไปหลายระลอก จนถึงระดับ 37,400 ฟุต ทั้งนี้ สจ๊วตเจย์ โรเบิร์ต นำคลิปดังกล่าวนี้ไปโพสต์บนอินสตาแกรมที่มีชื่อแอคเคาท์ว่า aflyguytravels - หนุ่มนักบินออกเดินทาง อันเป็นแอคเคาท์ที่มีเรื่องราวและภาพตลอดจนคลิปน่าสนใจมากมาย เช่น คลิปสองหนุ่มผู้โดยสารวิวาททุ่มเถียง แล้วชกกันกลางอากาศ
ควรรัดเข็มขัดนิรภัยตลอดเส้นทางหรือไม่?

กัปตันเทอร์รีบอกว่า “ใช่ครับ ถ้าคุณไม่รัดสายนิรภัย แล้วเครื่องตกหลุมอากาศ เก้าอี้จะถูกดึงไปกับตัวเครื่องบิน แล้วร่างกายของคุณจะลอยในอากาศ และถูกเพดานเครื่องฟาดลงบนศีรษะน่ะครับ ดังนั้น ความลับคือ ต้องรัดเข็มขัดนิรภัยไว้เสมอ


“เรื่องนี้มันก็ยากอยู่ครับสำหรับการนั่งเครื่องบินระยะไกลๆ เพราะคุณต้องลุกเดินยืดขาให้เลือดหมุนเวียนบ้าง เดินไปห้องน้ำบ้าง ยิ่งถ้าเป็นพวกลูกเรือด้วยแล้ว ก็ต้องเคลื่อนที่ไปทำสิ่งต่างๆ ตลอดเวลา ดังนั้น มันไม่มีวิธีที่จะปลอดภัยในสถานการณ์เครื่องตกหลุมอากาศได้ 100 เปอร์เซ็นต์หรอกครับ แต่คุณก็ต้องลดความเสี่ยงให้มากที่สุดที่จะทำได้

“ตัวผมเอง ผมไม่เคยนั่งในห้องนักบินโดยไม่รัดเข็มขัดนิรภัยแม้สักครั้ง แล้วทำไมคุณจะทำไม่ได้” กัปตันเทอร์รีบอกอย่างนั้น

ด้านสจ๊วตเจย์ โรเบิร์ต ลูกเรืออาวุโสของสายการบินเอมิเรตส์ และผู้บริหารเครือข่าย Fly Guy’s Cabin Lounge Network ให้ความเห็นสมทบไปว่า

“แน่นอนฮะ คนเราต้องเดินทำโน่นทำนี่บ้าง และต้องไปห้องน้ำระหว่างการเดินทาง แต่ถ้าคุณเห็นพวกแอร์โฮสเตส พวกสจ๊วต นั่งประจำที่ และสัญญาณเตือนให้รัดเข็มขัดนิรภัยสว่างขึ้นมา นั่นไม่ใช่เวลาที่จะลุกจากเก้าอี้

“ผมขอบอกเลยว่าผมเจอมาไม่รู้กี่หนต่อกี่หน เครื่องบินได้รับรายงานเตือนหลุมอากาศระดับรุนแรงดักอยู่ข้างหน้า สัญญาณเตือนรัดเข็มขัดนิรภัยสว่างจ้า ทั้งแอร์ทั้งสจ๊วตลงนั่งประจำที่กันหมดทุกคน คุณผู้โดยสารเกิดจะพยายามไปเข้าห้องน้ำให้ได้ตอนเวลานั้น และจะเถียงผมว่า ‘ก็ไม่เห็นมีอะไรเลยนี่!’ ได้โปรดปฏิบัติตามที่เราแนะนำ และนั่งรัดเข็มขัดเถิดฮะ!”

เคล็ดลับความปลอดภัยเบื้องต้น เมื่อเผชิญกับอุบัติภัยเครื่องตกหลุมอากาศรุนแรง
ถ้าทำได้ ควรเลือกเดินทางกับเครื่องบินขนาดใหญ่ไว้ก่อนเสมอ

สจ๊วตเจย์ โรเบิร์ต เผยเคล็ดลับประการหนึ่งด้วยว่า “ไม่มีเครื่องบินลำใดที่ได้รับยกเว้นจากปัญหาหลุมอากาศ แต่จากประสบการณ์ของผมนะฮะ ยิ่งเครื่องบินลำใหญ่เท่าไร การเดินทางก็ยิ่งดีกว่าเท่านั้น ประสบการณ์ทำงานของผมบนเครื่องบิน ส่วนใหญ่จะไปกับโบอิง 777 และแอร์บัสซูเปอร์จัมโบ A380 ผมสังเกตว่าเดินทางกับ A380 ดูว่าจะสมูทมากกว่าเสมอฮะ

ทั้งนี้ แม้ปัญหาหลุมอากาศจากความปั่นป่วนแปรปรวนของกระแสลมกรด มักจะเกิดขึ้นที่ระดับความสูง 35,000 ฟุตขึ้นไป อันเป็นเพดานบินสำหรับเครื่องบินไซส์ซูเปอร์จัมโบ้ก็ตาม แต่ทุกวันนี้เครื่องบินลำมหึมาพวกนี้ ล้วนได้รับการพัฒนาให้รับมือกับสถานการณ์หลุมอากาศทั่วๆ ไป ได้ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง

เตรียมใจไว้เลยว่าอาจต้องเจออากาศแปรปรวน

บ.ก.นิกกี แนะนำอีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

“ควรศึกษาให้เข้าใจว่าแถวไหนที่มีแนวโน้มจะเกิดหลุมอากาศรุนแรงมากที่สุด เช่น บริเวณเส้นศูนย์สูตร และกระแสลมกรดซีกโลกเหนือ ทั้งทางแปซิฟิกและทางแอตแลนติก”

ผู้โดยสารสามารถเช็กข้อมูลพยากรณ์อากาศสำหรับเส้นทางที่จะต้องเดินทางผ่านได้ โดยไปที่เว็บไซต์ Turbli.com ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลเดียวกันกับที่นักบินและสายการบินใช้วางแผนการบิน เดลิเมลออนไลน์รายงานอย่างนั้น

Turbli.com ทำการพยากรณ์เรื่องสภาพอากาศแปรปรวนและหลุมอากาศขึ้นมาเป็นภาพแผนที่เคลื่อนไหว และภาพนี้จะอัปเดทข้อมูลออกมาเมื่อเราใส่ตัวเลขเที่ยวบินเข้าไป โดยจะปรากฏเป็นกราฟและมีการสรุปให้ว่าระดับความแปรปรวนจะน้อยหรือมากเพียงใด

สภาพอากาศแปรปรวนรุนแรงและตกหลุมอากาศอันตรายนั้น เกิดขึ้นน้อยเหลือเกิน กัปตันเทอร์รีเคยเจอแค่ 1 ครั้ง ตลอด 20 ปีที่เป็นนักบิน

กัปตันเทอร์รีกล่าวกับเดลิเมลออนไลน์ว่า กรณีของสิงคโปร์แอร์ไลน์นั้น น้อยครั้งมากๆ เลยที่จะเกิดขึ้น

“เหตุการณ์แบบที่สายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ไปเจอเข้า เป็นกรณีที่หาได้ยากมากๆ เลยครับ ผมเคยเจอสภาพอากาศแปรปรวนรุนแรงสุดๆ เพียง 1 ครั้ง ในตลอด 20 ปีที่ผมเป็นนักบิน เครื่องของผมโดนโยนจากเพดานบินสู่อีกเพดานบินหนึ่งที่ต่างกันทีละ 1,000 ฟุตครับ

“อากาศแปรปรวนในพายุฝนฟ้าคะนอง โยนเครื่องบินของผมขึ้นไป 1,000 ฟุต แล้วเราก็ดิ่งลงมา 1,000 ฟุต

“ซึ่งนั่นยังไม่สาหัสเท่ากับเหตุการณ์ที่สิงคโปร์แอร์ไลน์ไปประสบมา

“เราทราบว่ามีพายุฝนฟ้าคะนองอยู่ตรงนั้น เราอ้อมหลบออกไปห่างๆ โดยไปตามทางลมตั้ง 15 ไมล์ แต่ก็ไม่วายที่จะต้องเจอหลุมอากาศเข้าจนได้

“อันที่จริงอากาศแปรปรวนและหลุมอากาศเป็นสิ่งสุดท้ายที่จะต้องกังวลถึง ถ้าไม่นับกรณีที่ดุเดือดหนักหนานะครับ มันจะเล่นงานเราได้แค่ว่า ทำให้กาแฟหก และทำให้ไม่สะดวกสบายบ้าง แต่ไม่ถึงกับจะทำให้เครื่องบินพลิกตัวหรือหงายท้อง”

ผู้โดยสารสตรีของสิงคโปร์แอร์ไลน์ที่บาดเจ็บบริเวณกระดูกสันหลัง ได้รับความช่วยเหลือให้ออกจากเครื่องบินด้วยเปลที่ใช้คนแบกหกคน ก่อนจะนำส่งโรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ ทั้งนี้ นายแพทย์อดินันท์ กิตติรัตนไพบูลย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแถลงเมื่อวันพฤหัสบดี 23 พฤษภาคม ว่าในจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บรุนแรง 41 ราย เป็นกรณีบาดเจ็บเกี่ยวกับกระดูกสันหลังมากถึง 22 ราย และบาดเจ็บที่กะโหลกศีรษะกับสมอง 6 ราย ส่วนอีก 13 รายได้รับบาดเจ็บเกี่ยวกับกระดูก กล้ามเนื้อ และอื่นๆ

คำแนะนำสำคัญยังมีประการหนึ่ง คือ การป้องกันตนเองในขณะทำธุระอยู่ในห้องน้ำเครื่องบิน ซึ่งเป็นคำแนะนำของกัปตันโสภณ พิฆเนศวร ซึ่งให้ไว้ในท้ายกระทู้หนึ่งบนกระดานพันทิป ดังนี้ “ถ้าเกิดเราเข้าห้องน้ำอยู่พอดีจะทำยังไงล่ะ ในห้องน้ำไม่มีเข็มขัดนิรภัยซะด้วย * ถ้าเผอิญว่าเรานั่งอยู่กำลังทำธุระอยู่กลางทาง ก็ให้รีบเอามือจับที่มือจับซึ่งทุกห้องน้ำจะมีมือจับ ที่เอาไว้ใช้สำหรับพยุงตัวขึ้น มืออีกข้างหนึ่งก็ให้กางออกแล้วดันผนังด้านนั้นไว้ เพื่อเป็นการยึดให้ตัวเองอยู่นิ่ง หรืออาจใช้เท้าช่วยยันเอาไว้ด้วยก็ได้ * แต่ถ้ายืนอยู่ในห้องน้ำก็ให้รีบปิดฝาที่นั่งของโถชำระ แล้วนั่งบนโถ แล้วทำตามที่เขียนไว้ด้านบนครับ * อีกอย่างหนึ่งคือไม่ต้องรีบพรวดพราดออกมาจากห้องน้ำเพราะจะทำให้เราได้รับอันตราย เพราะในระหว่างทางกลับที่นั่ง หากมีการสั่นสะเทือนรุนแรง ตัวเราจะไม่มีที่ยึดจับ และอาจลอยกระแทกไปมากับสิ่งต่างๆที่อยู่รอบด้านได้เลยนะครับ * ส่วนตัวผมมองว่า ถ้าเผอิญว่าอยู่ในห้องน้ำในขณะที่เกิดการสั่นสะเทือนรุนแรงจริงๆ ขึ้นมา ในห้องน้ำปลอดภัยกว่าในห้องโดยสาร เพราะพื้นที่แคบและไม่มีสิ่งของที่จะหล่นมาทำอันตรายเรา ถึงแม้เราจะถูกเหวี่ยงไปมา เราก็อยู่ในพื้นที่ห้องแคบๆ ปลอดภัยของห้องน้ำ * ดังนั้นให้ทำตามวิธีปฏิบัติด้านบนครับ จับและยึดเหนี่ยวให้ตัวอยู่นิ่ง เหมือนเราเป็นส่วนหนึ่งกับเครื่องบิน แบบนี้ก็จะปลอดภัยขึ้นมาระดับหนึ่ง ผ่อนหนักเป็นเบาได้บ้างครับ”
นักบินสามารถประมาณการเรื่องหลุมอากาศได้เพียงไร

กัปตันเทอร์รีบอกอย่างนี้:

“ตอนที่นักบินเข้าไปรายงานตัวและรับงาน ก็จะได้รับแฟ้มข้อมูลทุกอย่างที่ต้องใช้ในทุกขั้นตอนการเดินทาง รวมทั้งแฟ้มวิเคราะห์พยากรณ์ฝนฟ้าอากาศ ซึ่งในนั้นจะมีข้อมูลอากาศทั้งหมดโดยตลอดเส้นทาง เช่น จะเน้นถึงพื้นที่ต่างๆ ที่บรรดานักอุตุนิยมวิทยาคาดว่าอาจจะมีสภาวะแปรปรวนในอากาศใสๆ ไร้เมฆ ที่เรียกกันว่า CAT - Clear Air Turbulence นอกจากนั้น ยังให้ข้อมูลพยากรณ์ว่าบริเวณไหนที่อาจเจอสภาพอากาศปั่นป่วน อาทิ พายุฝนฟ้าคะนอง

“กรณีของเที่ยวบิน SQ321 ทุกคนทราบดีว่าอาจต้องเจอพายุฟ้าร้องฟ้าผ่าดุเดือดทีเดียว โดยนักบินมีเรดาร์อากาศที่ทำให้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านี้ แต่ถ้าเป็นความแปรปรวนในสภาพอากาศใสๆ ไร้เมฆแห่งพายุฟ้าคะนองอย่าง CAT นักบินจะไม่เห็นสิ่งบ่งชี้ความเคลื่อนไหวปั่นป่วนของอากาศใสๆ เลย

“นักอุตุนิยมวิทยาอาจจะทำเครื่องหมายไว้บนชาร์ตว่า อาจมีอากาศแปรปรวนในบริเวณนั้นนี้ – ซึ่งมักจะมีขึ้นในสถานการณ์ที่มวลอากาศสองกระแสเคลื่อนตัวแตกต่างกัน”

ตัวอย่างเช่น เมื่อเครื่องบินเข้าสู่กระแสลมที่มีความเร็วสูงลิ่วที่เรียกกันว่า กระแสลมกรด jet stream นั้น มวลอากาศริมนอกสุดของกระแสลมกรด เคลื่อนตัวด้วยความเร็วน้อยกว่ามวลอากาศแกนกลาง เมื่อมวลอากาศแกนกลางพุ่งไป แต่มวลอาการริมนอกยังเคลื่อนตามไปไม่ทัน พื้นที่ตรงแกนกลางย่อมจะเบาบาง มวลอากาศริมนอกจึงถูกดึงให้ยกตัวเข้าไปแทนที่เป็นระลอกๆ จากน้อยๆ และทวีเป็นมาก และมหาศาล ส่งผลให้เกิดสภาพอากาศปั่นป่วนแปรปรวนอย่างรวดเร็ว

จำนวนผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บในเที่ยวบินของกาตาร์ แอร์เวย์ส 12 ราย นับว่าไม่มากเมื่อเทียบกับ 104 รายในกรณีของสิงคโปร์แอร์ไลน์ สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการที่ผู้คนตื่นตัวกับการรัดเข็มขัดนิรภัย หลังจากได้เห็นสถานการณ์ร้ายแรงของสิงคโปร์แอร์ไลน์นั่นอง ทั้งนี้ ในภาพนี้เป็นผู้โดยสารสองรายนี้เดินทางมาด้วยกัน โดย เอ็มมา โรส พาวเวอร์ (ซ้าย) ให้สัมภาษณ์แก่นักข่าวของสถานี RTE News ของไอร์แลนด์ว่า บรรยากาศในห้องโดยสารเต็มไปด้วยความแตกตื่นผวากลัว ใบหน้าที่ตื่นตกใจมีให้เห็นทั่วไปหมด ด้านแฟนหนุ่มของเอ็มมา โรส พาวเวอร์ เล่าว่า เครื่องบินถูกโยนขึ้น และดิ่งกลับลงมาตรงๆ ที่น่าหวาดเสียวท้องไส้ปั่นป่วนเหมือนการนั่งรถไฟเหาะ
กรณีตัวอย่างที่ชัดเจนมาก ได้แก่ เครื่องบินสิงคโปร์แอร์ไลน์เที่ยวบินที่ SQ321 ซึ่งตกหลุมอากาศอย่างสุดโหดเมื่อ 21 พฤษภาคม 2024

ในกรณีของเครื่องบินของสิงคโปร์แอร์ไลน์ที่เคลื่อนเข้าไปเผชิญกับสภาพอากาศปั่นป่วนแปรปรวนเพราะกระแสลมกรดซึ่งอยู่เหนือเครื่องบิน พอมวลอากาศริมนอกถูกดึงให้ยกตัว พื้นที่บริเวณนั้นเบาบางลงปุบปับ เครื่องบินจึงร่วงลง แล้วในจังหวะที่มวลอากาศยกตัวขึ้นในระลอกต่อๆ มา เครื่องบินก็เด้งตามขึ้นไปด้วย


เครื่องบินซึ่งอยู่ท่ามกลางอากาศที่ปั่นป่วนเหล่านี้ จึงดิ่งลงบ้าง กระเด้งขึ้นบ้าง จากนิดๆ เล็กๆ น้อยๆ กลายเป็นกระเด้งขึ้นแรงๆ สลับกับดิ่งลงฮวบฮาบ ครั้งแล้วครั้งเล่า

ผู้โดยสารภายในโบอิ้ง 777-300 อีอาร์ ของสิงคโปร์แอร์ไลน์ให้สัมภาษณ์ว่า เบื้องต้นคือรู้สึกถึงแรงสะเทือน (บางคนช่างสังเกตรีบล็อกเข็มขัดนิรภัยอย่างฉับไวและไม่ต้องบาดเจ็บใดๆ) ผู้โดยสารนามว่า ดาฟราน อัซมีร์ หนุ่มนักศึกษาวัย 28 ปี เล่าว่าหลังจากนั้น รู้สึกเหมือนอยู่บนรถไฟเหาะ วูบลง หวือขึ้น แล้วก็วูบลง หวือขึ้นๆ ท้องไส้ปั่นป่วน (แตกต่างจากเครื่องบินเหาะตรงที่ว่า ไม่มีอาการตีลังกาศีรษะดิ่งสู่พื้นโลก)

ทั้งนี้ หลังจากที่สำนักข่าวต่างๆ ได้รับข้อมูลรุ่นแรกๆ จากระบบติดตามการเคลื่อนตัวของเครื่องบิน FlightRadar 24 ในวันที่ 21 พฤษภาคม ซึ่งเพิ่งเกิดเหตุระทึกขวัญเครื่องบินโบอิงของสิงคโปร์แอร์ไลน์ตกหลุมอากาศร้ายแรง ว่าเป็นการร่วงดิ่งจากระดับความสูง 38,000/37,000 ฟุต ลงสู่ระดับ 31,000 ฟุต เหนือน่านน้ำอ่าวเบงกอลแห่งทะเลอันดามันโดยไม่มีการระบุในส่วนของสภาพอากาศขณะเกิดเหตุ นั้น

ในเวลาต่อมา สำนักข่าวทั้งหลายได้รับข้อมูลรุ่นปรับปรุงจาก FlightRadar 24 ที่มีความกระจ่างและแน่ชัดมากขึ้นในหลายประเด็น เช่น บริเวณที่เกิดเหตุด่วนเหตุร้ายของ SQ321 คือเวิ้งฟ้าเหนือลุ่มน้ำอิรวดี และมีพายุฝนฟ้าคะนอง

โดยรอยเตอร์รายงานดังนี้

“FlightRadar 24 บอกว่าเพดานบินเปลี่ยนแปลงอย่างฉับไว ซึ่งเป็นไปตามสภาพการณ์ความปั่นป่วนแปรปรวนที่เกิดขึ้นปุบปับ

“ในตอนนั้น มีพายุฝนฟ้าคะนองอยู่ในบริเวณดังกล่าว บางส่วนเป็นพายุรุนแรง”

‘เพดานบินที่เปลี่ยนแปลงอย่างฉับไว’ นั้น เป็นการดิ่งลงและลอยขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าภายในเวลาอันน้อยนิดเพียง 3 นาที ณ ระนาบความสูง 37,000 ฟุต โดยภายในเวลาวิกฤติการณ์เหล่านั้น เครื่องโบอิงของสิงคโปร์แอร์ไลน์ถูกโยนขึ้นไปสูงสุดที่ระดับ 400 เมตรอย่างฉับพลับเพียง 2 นาที ก่อนจะร่วงกลับสู่ระดับความสูง 37,000 ฟุตดังเดิมภายในพริบตาเพียง 1 นาที รอยเตอร์รายงานโดยอ้างอิงข้อมูลและภาพจาก FlightRadar 24 ดังนี้

ความรุนแรงในเหตุการณ์ตกหลุมอากาศของเครื่องบินโบอิง 777-300 อีอาร์ ของสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2024 เป็นเรื่องของอัตราความเร็วที่สูงมากตอนที่เครื่องถูกอากาศแปรปรวนโยนขึ้นและดิ่งลงในระยะประมาณ 400 ฟุต ภายในเวลาเพียง 3 นาที
ประเด็นที่ยังเป็นปริศนาอย่างยิ่ง คือ สภาพอากาศแปรปรวนและการตกหลุมอากาศที่เกิดขึ้นปุบปับสุดๆ เปิดสัญญาณเตือนให้รัดเข็มขัดไม่ทันกันเลย แบบที่กัปตันเทอร์รีบอกว่าเป็นเรื่องแปลกมากๆ นั้น จะมีคำอธิบายออกมาในกาลข้างหน้าหรือไม่ หรือจะปล่อยเป็นเรื่องของอาถรรพ์ลุ่มน้ำอิรวดีให้ผู้คนเล่าลือกันสืบไป

ทั้งนี้ ประเด็นสำคัญที่ว่าในเวลาแห่งวิกฤติการณ์ตกหลุมอากาศนั้น เครื่องบินของสิงคโปร์แอร์ไลน์อยู่ในสภาวะอากาศแจ่มใส หรืออยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมของพายุฝนฟ้าคะนอง ก็ยังไม่แน่นอนว่าจะมีการสรุปปมข้อนี้อย่างไร

นอกจากนั้น ยังอาจจะมีข้อมูลปรับปรุงดีขึ้น แน่นอนยิ่งขึ้น ชัดเจนมากขึ้น ออกมาจาก FlightRadar 24 อีกหลายระลอกก็เป็นไปได้ ต้องจับตากันต่อไป

คอลัมน์ PLANET No.3

โดย รัศมี มีเรื่องเล่า


(ที่มา: เดลิเมลออนไลน์ เดอะการ์เดียน เดอะซัน รอยเตอร์)

กำลังโหลดความคิดเห็น