อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เมื่อวันอังคาร(30ธ.ค.) เน้นย้ำว่าจุดยืนของกัมลาลัมเปอร์ เพียงช่วยเป็นคนกลางและรับประกันการหยุดความเป็นปรปักษ์ระหว่างไทยและกัมพูชาในประเด็นชายแดน แต่การตัดสินใจทั้งหมดทั้งมวลนั้น ขึ้นอยู่กับทั้ง 2 ฝ่าย
"เรา(มาเลเซีย) ไม่ได้เป็นผู้ตัดสินใจ" เขากล่าว ตอบคำถามหนึ่งระหว่างแถลงข่าววาระพิเศษในวันอังคาร(30ธ.ค.) พร้อมระบุเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่มีต่อมาเลเซีย อยู่บนพื้นฐานของความไม่รู้และความมีอคติล้วนๆ
เขายังได้ตอบคำถามในเรื่องเกี่ยวกับบทบาทของมาเลเซีย ในฐานะคนกลางในประเด็นดังกล่าว โดยบอกว่า "เพราะการตัดสินใจใดๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อตกลง(สันติภาพ)กัวลาลัมเปอร์, ที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป(จีบีซี) และการประชุมที่ประสานงานโดยกระทรวงการรต่างประเทศของเรา(มาเลเซีย) กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯและเวลานี้ หวัง อี้(รัฐมนตรีต่างประเทศจีน) ทั้งหมดดำเนินการสอดคล้องกับข้อตกลงกัวลสลัมเปอร์ และภายใต้ความเข้าใจและเข้าร่วมอย่างเต็มที่ รวมไปถึงการตกลงกันโดยสมบูรณ์ในท้ายที่สุดระหว่าง 2 ประเทศ(ไทยและกัมพูชา) เขากล่าว
อันวาร์ ยืนยันว่าเขาใช้แนวทางที่สงวนท่าทีและระมัดระวังในการหารือในประเด็นดังกล่าวกับทั้งนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมตรีของไทย และ ฮุน มาเน็ต "ผู้บัญชาการทหารของเรา ติดต่อกับทั้ง 2 ฝ่าย เช่นเดียวกับรัฐมนตรีต่างประเทศของเรา ก็ติดต่อกับรัฐมนตรีต่างประเทศของพวกเขาเช่นกัน"
ก่อนหน้าการแถลงข่าว อันวาร์ บอกว่าเขายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ กัมพูชาและไทย เห็นพ้องกระชับความแข็งแกร่งของข้อตกลงหยุดยิง ผ่านการเจรจาโดยตรงที่จัดขึ้นในประเทศจีน
"การเปลี่ยนผ่านจากความเป็นปรปักษ์สู่รูปแบบพูดคุยต่างๆนานาตามมา สะท้อนถึงความมุ่งมั่นป้องกันไม่ให้มันเสื่อมถอยและรักษาเสถียรภาพของสถานการณ์ให้มีความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น" เชากล่าว
"ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งสำหรับบทบาทของจีนในการเป็นเจ้าภาพการพูดคุยหารือนี้ และในการมอบทางออกหนึ่งๆ ที่เปิดทางให้ทั้ง 2 ฝ่ายสามารถมุ่งเน้นไปที่ก้าวย่างต่างๆในทางปฏิบติ เพื่อลดความเสี่ยงและเสริมสร้างความเชื่อมั่น การอำนวยความสะดวกเช่นนนี้มีค่าอย่างที่สุด เนื่องจากมันสนับสนุนลดความตึงเครียดและส่งเสริมความพยายามระดับภูมิภาค"
นอกจากนี้แล้วว อันวาร์ ยังยอมรับเกี่ยวกับบทบาทสำคัญของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ผู้มีส่วนร่วมเป็นคนกลางในปฏิญญาสันติภาพกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งวางกรอบการทำงานสำหรับข้อตกลงหยุดความเป็นปรปักษ์ "การเข้ามาเกี่ยวข้องดังกล่าวช่วยส่งเสริมสร้างพื้นที่ทางการเมือง ที่ฝ่ายต่างๆสามารถก้าวถอยหลังจากการเผชิญหน้า และให้คำมั่นสัญญาอดทนอดกลั้น" นายกรัฐมนตรีมาเลเซียกล่าว
(ที่มา:เบอร์นามา)

