รัฐบาลอิสราเอลออกมาปกป้องการตัดสินใจรับรองสาธารณรัฐโซมาลิแลนด์ (Somaliland) ที่ประกาศตนเป็นประเทศอิสระ แต่หลายประเทศในสหประชาชาติได้ตั้งคำถามว่า การกระทำดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อย้ายชาวปาเลสไตน์ออกจากฉนวนกาซา หรือเพื่อจัดตั้งฐานทัพหรือไม่
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (26) อิสราเอลกลายเป็นประเทศแรกในโลกที่รับรองโซมาลิแลนด์เป็นรัฐเอกราชและอธิปไตย
“นี่ไม่ใช่การกระทำที่เป็นปรปักษ์ต่อโซมาเลีย และไม่ได้ปิดกั้นการเจรจาในอนาคตระหว่างทั้งสองฝ่าย การรับรองไม่ใช่การท้าทาย แต่เป็นโอกาส” โจนาธาน มิลเลอร์ รองเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำสหประชาชาติ กล่าวต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เมื่อวันจันทร์ (29)
การรับรองโซมาลิแลนด์ของอิสราเอลทำให้ได้พันธมิตรทางยุทธศาสตร์ที่มีศักยภาพในการต่อต้านกลุ่มฮูตีในเยเมน ซึ่งในช่วงสงครามกาซาได้ปะทะกับอิสราเอล และการโจมตีเรือในทะเลแดงของกลุ่มฮูตีได้ทำให้การขนส่งทางทะเลในบริเวณนั้นหยุดชะงัก
สันนิบาตอาหรับซึ่งเป็นองค์กรระดับภูมิภาคของรัฐอาหรับในตะวันออกกลางและบางส่วนของแอฟริกา ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 22 ประเทศ ปฏิเสธ "มาตรการใดๆ ที่เกิดขึ้นจากการรับรองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่ออำนวยความสะดวกในการขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกจากถิ่นฐาน หรือใช้ท่าเรือทางตอนเหนือของโซมาเลียเพื่อจัดตั้งฐานทัพ" มาเกด อับเดลฟัตตาห์ อับเดลาซิส เอกอัครราชทูตสันนิบาตอาหรับประจำสหประชาชาติ กล่าวต่อที่ประชุม
"จากที่อิสราเอลเคยอ้างถึงโซมาลิแลนด์ของสาธารณรัฐโซมาเลียว่าเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับการเนรเทศชาวปาเลสไตน์ โดยเฉพาะจากฉนวนกาซา การรับรองภูมิภาคโซมาลิแลนด์ของโซมาเลียอย่างไม่ชอบด้วยกฎหมายของอิสราเอลจึงเป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างยิ่ง" มูฮัมหมัด อุสมาน อิกบัล จาดูน รองเอกอัครราชทูตปากีสถานประจำยูเอ็น กล่าวต่อที่ประชุม
คณะผู้แทนอิสราเอลประจำยูเอ็นไม่ได้ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับการตั้งข้อสังเกตดังกล่าว หรือกล่าวถึงประเด็นใดๆ ในถ้อยแถลงต่อที่ประชุมในทันที
เมื่อเดือน มี.ค. รัฐมนตรีต่างประเทศของโซมาเลียและโซมาลิแลนด์กล่าวว่า พวกเขาไม่ได้รับข้อเสนอใดๆ เกี่ยวกับการตั้งถิ่นฐานใหม่ของชาวปาเลสไตน์จากฉนวนกาซา
แผนสันติภาพของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ สำหรับกาซา ระบุว่า "จะไม่มีใครถูกบังคับให้ออกจากกาซา และผู้ที่ต้องการจะออกไปก็มีอิสระที่จะทำเช่นนั้น และมีอิสระที่จะกลับเข้ามา"
รัฐบาลผสมของอิสราเอลซึ่งเป็นรัฐบาลฝ่ายขวาจัดและอนุรักษนิยมทางศาสนามากที่สุดในประวัติศาสตร์ ประกอบด้วยนักการเมืองขวาจัดที่สนับสนุนการผนวกทั้งกาซาและเวสต์แบงก์ และสนับสนุนให้ผลักดันชาวปาเลสไตน์ออกจากบ้านเกิดของตัวเอง
อาบูการ์ ดาฮีร์ ออสมาน เอกอัครราชทูตโซมาเลียประจำยูเอ็น กล่าวว่า แอลจีเรีย กายอานา เซียร์ราลีโอน และโซมาเลีย ซึ่งเป็นสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น "ขอปฏิเสธอย่างเด็ดขาดต่อทุกขั้นตอนที่มุ่งไปสู่เป้าหมายนี้ รวมถึงความพยายามใดๆ ของอิสราเอลที่จะย้ายประชากรปาเลสไตน์จากกาซาไปยังภูมิภาคตะวันตกเฉียงเหนือของโซมาเลีย"
ด้าน แทมมี บรูซ รองเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำยูเอ็น กล่าวว่า "การใช้สองมาตรฐานและการเบนความสนใจอย่างต่อเนื่องของคณะมนตรีความมั่นคง ทำให้ภารกิจในการรักษาสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศต้องเบี่ยงเบนไป"
ในเดือน ก.ย. ชาติตะวันตกหลายประเทศ รวมถึงฝรั่งเศส อังกฤษ แคนาดา และออสเตรเลีย ประกาศว่าจะรับรองรัฐปาเลสไตน์ โดยเข้าร่วมกับสมาชิกสหประชาชาติกว่า 3 ใน 4 จากทั้งหมด 193 ประเทศที่ให้การรับรองแล้ว
ซามูเอล ซโบการ์ เอกอัครราชทูตสโลวีเนียประจำยูเอ็น โต้แย้งข้อกล่าวอ้างของ บรูซ โดยกล่าวว่า "ปาเลสไตน์ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของรัฐใดๆ มันเป็นดินแดนที่ถูกยึดครองอย่างผิดกฎหมาย... ปาเลสไตน์ยังเป็นรัฐผู้สังเกตการณ์ในองค์กรนี้ด้วย"
เขากล่าวเสริมว่า "ในทางกลับกัน โซมาลิแลนด์เป็นส่วนหนึ่งของรัฐสมาชิกสหประชาชาติ และการรับรองโซมาลิแลนด์นั้นขัดต่อกฎบัตรสหประชาชาติ"
โซมาลิแลนด์มีอำนาจปกครองตนเอง และมีความสงบสุขและเสถียรภาพค่อนข้างดีมาตั้งแต่ปี 1991 เมื่อโซมาเลียตกอยู่ท่ามกลางสงครามกลางเมือง ทว่าภูมิภาคที่แยกตัวนี้ก็ไม่ได้รับการรับรองจากประเทศใดๆ
อิสราเอลแถลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า จะแสวงหาความร่วมมือกับโซมาลิแลนด์ในด้านการเกษตร สุขภาพ เทคโนโลยี และเศรษฐกิจโดยทันที ขณะที่อดีตดินแดนในอารักขาของอังกฤษก็หวังว่า การรับรองจากอิสราเอลจะกระตุ้นให้ประเทศอื่นๆ ปฏิบัติตาม ซึ่งจะเพิ่มอิทธิพลทางการทูตและการเข้าถึงตลาดโลก
ที่มา: รอยเตอร์

