สูตรสำเร็จกัมพูชาโบ้ยทุกความจริงเป็นข่าวปลอม 2 เหตุการณ์ชัด “อยากหยุดยิง” หลังกำลังทหารเพลี่ยงพล้ำหลายพื้นที่ คลิปหลุดหลวงตาสุจว่อนสั่งให้พูดหาทางลง บาดใจฮุนเซนสั่งให้ทำคลิปแก้ข่าวถูกตัดต่อ ด้านเตีย เซียฮา ตีรวนไม่ใช่หนังสือขอหยุดยิง แต่เสนอยุติการสู้รบทั้งหมดโดยทันที สื่อเขมรรับลูกเป็นข่าวปลอม
ท่ามกลางการคาดการณ์กันว่าการปะทะกันบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา น่าจะถึงเวลาของการหาทางออกร่วมกันอีกครั้ง หลังจากพี่ใหญ่ของเอเชียอย่างจีน ออกโรงส่งผู้แทนเข้าหารือกับทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชา สัญญาณที่ส่งมาจากฝ่ายกัมพูชาก็ค่อนข้างชัดว่าต้องการหาทางลง เพียงแต่ต้องไม่เสียหน้าบนเวทีในประเทศและต่างประเทศ
ปฏิบัติการทางทหารยังคงดำเนินไปเพื่อช่วงชิงพื้นที่ที่เป็นปัญหาระหว่างกัน แต่การสกัดเส้นทางการส่งกำลังบำรุงและโจมตีคลังอาวุธ เป็นสิ่งที่กองทัพไทยทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ สัญญาณของการถอยเริ่มมีให้เห็นตามช่องทางต่าง ๆ หรือผ่านบุคคลต่าง ๆ ที่อาจไม่เป็นทางการนัก
เขมรส่งสัญญาณยอม
อย่างคลิปการสนทนาของพระสุจ พระไทยที่ไปขออาศัยอยู่ในประเทศกัมพูชา ความยาวราว 6 นาที ก็ชัดเจนว่าสถานการณ์ภายในประเทศกัมพูชาเป็นอย่างไร
สำหรับต้นเรื่องนั้นมาจากมีคลิปที่เผยแพร่ออกสู่โลกออนไลน์ประมาณวันที่ 21 ธันวาคม 2568 เป็นการพูดคุยกับหลวงตาสุจเรื่องสถานการณ์ในกัมพูชา มีการถามว่า“เขาสู้ไม่ได้แล้วใช่ไหม จึงขอให้หลวงตาสุจช่วย” ก่อนที่หลวงตาสุจจะตอบว่า
“อ่อนเพลียหมดแล้วครับ”
จากนั้นมีการพูดถึงกำลังทหารกัมพูชา โดยพระสงฆ์ไทยกล่าวถึงหน่วย BHQ จำนวนมาก และตั้งคำถามว่าทำไมไม่ส่งไปสนับสนุน หลวงตาสุจตอบว่า โดยปกติ BHQ จะอยู่ใกล้ตัว ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และจะไม่ถูกส่งออกไปปฏิบัติการภายนอก อย่างไรก็ตามหลวงตาสุจบอกว่า ไม่มีข้อมูลชัดเจนเกี่ยวกับจำนวนทหารกัมพูชาที่เสียชีวิต
เมื่อถามว่า ทำไมทหารกัมพูชาถึงจะยอมแพ้ง่าย ๆ ทั้งที่ทหารไทยกำลังสนุก เพิ่งจะเข้าเกียร์ 2 เอง ยังไม่ถึงเกียร์ 3 เกียร์ 4 เลย หลวงตาสุจตอบว่า มันคนละระดับกัน พร้อมแสดงความเห็นเปรียบเทียบศักยภาพทหารว่า ทหารไทยเหมือนพระจบเปรียญธรรม 9 ประโยค ขณะที่ทหารกัมพูชาเปรียบเหมือนจบนักธรรมตรี
นอกจากนี้ หลวงตาสุจยังกล่าวว่า ทหารกัมพูชากว่า 80% สามารถดำรงชีพได้จากข้าวสารและอาหารแห้งที่พระสงฆ์มอบให้ แต่ขณะนี้เสบียงถูกตัดจนหมดแรงสู้ พร้อมยกตัวอย่างพฤติกรรมที่เรียกว่า “เกลียดตัวกินไข่” โดยอ้างถึงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่บรรจุภัณฑ์เป็นภาษากัมพูชา แต่สินค้าภายในเป็นของไทย
สำหรับประเด็นคำกล่าวที่ว่า “ไทยปิดด่านไปเลย 500 ปี กัมพูชาไม่เดือดร้อน” หลวงตาสุจยืนยันว่าไม่ใช่คำพูดของผู้นำกัมพูชา และตนไม่เคยเห็นฮุน เซน พูดในลักษณะดังกล่าวมาก่อน
เมื่อถูกถามถึงเหตุผลที่ฮุน เซน ติดต่อขอให้ช่วยเจรจายุติการปะทะ หลวงตาสุจตอบว่าไม่ทราบแนวคิดที่แท้จริง โดยระบุว่าถูกขอให้ทำมานานแล้ว แต่เพิ่งถูกเร่งเร้าอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา
หลวงตาสุจยังอ้างว่า ได้อัดคลิปตามคำร้องขอของผู้นำกัมพูชา เพื่อใช้เป็นสารในการเจรจายุติความขัดแย้ง และส่งให้ตรวจสอบ ก่อนจะได้รับคำตอบกลับมาว่า “พูดได้ดีมาก” อย่างไรก็ตาม ตนไม่ทราบว่าจะเผยแพร่ผ่านช่องทางใด ทั้งโทรทัศน์หรือสื่อสังคมออนไลน์ พร้อมย้ำว่า การพูดทั้งหมดเป็นไปอย่างเป็นกลาง ไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใด แต่เนื่องจากขณะนี้พำนักอยู่ในประเทศกัมพูชา เมื่อมีการร้องขอก็จำเป็นต้องยอมปฏิบัติตาม
ในช่วงท้ายมีการพูดถึงการทำหน้าที่ของนายอันวาร์ อิบราฮิม ประธานอาเซียนที่กำลังจะพ้นจากหน้าที่ว่าวางตัวไม่เป็นกลาง คนไทยและทหารไทยเลยจึงไม่เชื่อถือ
หลวงตาสุจกล่าวว่า ลูกพี่ลูกน้องของอันวาร์จากมาเลเซียมาเปิดบ่อนกาสิโนใหญ่มากที่พนมเปญ ชื่อกาสิโนนากา
ฮุนเซนสั่งแก้ข่าว
จากนั้น 23 ธันวาคม 2568 เฟสบุ๊กของสมเด็จฮุนเซนได้โพสต์ข้อความเมื่อ 23 ธันวาคม 2568 ว่า พระมหานรินทร ปสนโน หรือที่รู้จักกันในนาม นายสุจ ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงเกี่ยวกับวิดีโอปลอมที่เผยแพร่กันอย่างกว้างขวางในสื่อสังคมออนไลน์ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
โดยคลิปวีดีโอของหลวงตาสุจ สามารถสรุปเนื้อหาทั้งหมดแบบคำต่อคำโดยละเอียดได้ดังนี้
1. การทำความเคารพและการชี้แจงสถานะ อาตมาขอนอบน้อมต่อพระรัตนตรัย ทั้งพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ด้วยความเคารพอย่างสูงสุด และขอกราบถวายความเคารพต่อพระเถรานุเถระทุกพระองค์ในราชอาณาจักรกัมพูชาด้วยความเคารพอย่างสูง อาตมาคือ พระมหานรินทร หรือที่รู้จักกันในนาม "หลวงตาสุจ" เมื่อไม่นานมานี้มีคลิปวิดีโอหนึ่งถูกเผยแพร่ออกมา ซึ่งเป็นคลิปที่ทำขึ้นเพื่อจงใจทำร้ายอาตมา อาตมาจึงขอชี้แจงต่อพระเถระและพุทธบริษัททั้งที่อยู่ในกัมพูชาและต่างประเทศทุกคน
2. คำชี้แจงเรื่อง "การยกธงขาว" และสุขภาพ ในช่วงที่ผ่านมา อาตมาได้พูดประโยคหนึ่งว่า "อาตมาเหนื่อยแล้ว ขอยกธงขาว" ซึ่งคำว่าเหนื่อยและยกธงขาวในที่นี้ อาตมาหมายถึงเรื่องสุขภาพของอาตมาเอง, ขอให้ทุกท่านสังเกตดูว่าร่างกายของอาตมาทรุดโทรมลงไปมาก อาตมาฉันอาหารไม่ได้มาเกือบหนึ่งเดือนแล้ว อาตมาอาศัยอยู่ในแผ่นดินเขมร พึ่งพิงน้ำใจของคนเขมร ดังที่พระเถระและพุทธบริษัททราบดีว่า อาตมาฝากชีวิตไว้บนแผ่นดินนี้ จะขอตายที่นี่ และรักที่นี่เหมือนคนเขมร
3. การยืนยันความบริสุทธิ์ใจตลอด 30 ปี หากท่านติดตามดูคลิป เพจ หรือ YouTube ของอาตมาตลอดระยะเวลา 30 กว่าปีที่ผ่านมา จะเห็นว่าอาตมาไม่เคยพูดคำไม่ดี หรือพูดในเชิงทำลายประเทศเขมรเลยแม้แต่คำเดียว, อาตมามีแต่การพูดถึงสิ่งดีๆ ยกย่องประเทศเขมรและภาษาเขมรเสมอมา อาตมาได้รับความเมตตาจากผู้นำประเทศ ได้รับการยอมรับจากรัฐบาล และได้รับที่ดินเพื่อใช้ในการก่อสร้างถาวรวัตถุ หากอาตมาคิดจะพูดทำลายหรือลบหลู่เกียรติของกัมพูชา อาตมาคงไม่มานั่งพูดอยู่ที่นี่ แต่คงเตรียมตัวเดินทางไปต่างประเทศเพื่อขอลี้ภัยและพูดจากที่นั่นไปแล้ว
4. การโต้ตอบเรื่องคลิปตัดต่อและการใช้ชีวิต อาตมาไม่มีความอกตัญญูต่อประเทศเขมรเลยแม้แต่นิดเดียว สิ่งที่พูดออกมานี้พูดด้วยมือเปล่า ไม่มีสคริปต์ เพราะพูดออกมาจากดวงใจและจากความรักที่มีต่อประเทศนี้จริงๆ แต่กลับมีคลิปที่ถูกตัดต่อมาจากที่ไหนก็ไม่ทราบ เพื่อจงใจทำร้ายอาตมา เพื่อไม่ให้อาตมามีที่ยืนในกัมพูชา และเพื่อให้พระเถระและพุทธบริษัทเกิดความเกลียดชังอาตมา
นอกจากนี้ ยังมีคลิปที่พยายามสื่อว่าอาตมาทำตัว "ไฮโซ" ขับรถหรูหลังจากที่รัฐบาลถวายรถให้ เพื่อให้คนมองว่าอาตมาอวดรวย แต่อันที่จริงแล้ว อาตมาขับเพียงรถกระบะธรรมดาเท่านั้น การตัดต่อเหล่านั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อให้รัฐบาลและคนเขมรทั่วโลกเกลียดชังอาตมา อาตมาจึงขอความเมตตาจากรัฐบาลและพุทธบริษัทให้โปรดเข้าใจอาตมาด้วย
5. คำอ้อนวอนสุดท้ายและการระบุถึงผู้ไม่หวังดี อาตมาขอย้ำว่าในวัย 60 ปีนี้ สุขภาพของอาตมาไม่ดีเลย ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่ออาตมาก็ได้ แต่ขอให้ลองย้อนดูประวัติใน YouTube 30 กว่าปีที่ผ่านมา ว่าอาตมาเคยพูดจาดูถูกหรือว่าร้ายแผ่นดินเขมรว่าต่ำต้อยบ้างหรือไม่ ซึ่งจริงๆ แล้วอาตมามีแต่ความยกย่องในจิตใจของคนเขมรเสมอมา
วิดีโอที่มีปัญหานั้นเป็นการตัดต่อเพื่อทำลายอาตมา โดยอาตมาเชื่อว่ามีบุคคลบางกลุ่ม ที่จงใจทำร้ายและตัดต่อวิดีโอเพื่อให้ข้อมูลที่ผิด อาตมามีจิตใจที่บริสุทธิ์ ไม่มีเจตนาจะทำลายพระพุทธศาสนา หรือทำลายประเทศเขมรเลยแม้แต่น้อย ขอความเมตตาจากพระพุทธปฏิมาและพุทธบริษัททุกท่าน ขอกราบลาพระเถระทุกพระองค์
การเปรียบเทียบเพื่อความเข้าใจ สถานการณ์ของหลวงตาสุจเปรียบได้กับ "ต้นไม้ใหญ่ที่อาศัยร่มเงาและปุ๋ยจากผืนดินเดิมมานานนับสิบปี" ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่ต้นไม้จะหันกลับไปทำลายดินที่ให้ชีวิตแก่ตนเอง แต่ในยามที่ต้นไม้เริ่มร่วงโรยตามกาลเวลา (สุขภาพ) กลับมีคนพยายาม "สวมรอยนำกิ่งไม้อื่นมาปัก" (การตัดต่อคลิป) เพื่อให้คนเข้าใจผิดว่าต้นไม้ต้นนี้กำลังจะกลายเป็นพืชพิษที่ทำลายผืนดินที่มันเคยรักนั่นเอง
ขอให้ปลอดภัย
แหล่งข่าวกล่าวว่า เชื่อว่าฮุนเซนคงไม่พอใจคลิปของหลวงตาสุจ ถึงได้เรียกให้ไปอัดคลิปชี้แจงว่าคลิปที่เผยแพร่กันนั้นเป็นคลิปปลอมที่มีการตัดต่อเพื่อใส่ร้าย
ถ้าพิจารณาดี ๆ จะพบว่าหลวงตาสุจก็ไม่ได้เปิดเผยอะไรที่ก่อให้เกิดความเสียหายกับทางกัมพูชา เช่น แจ้งว่าไม่มีข้อมูลทหารที่สูญเสีย และหลายเรื่องก็เป็นที่รู้กันในฝั่งไทย เช่น การแอนตี้สินค้าไทยที่ใส้ในบางรายการก็ยังเป็นสินค้าไทยแค่เปลี่ยนชื่อหรือภาษาให้เป็นกัมพูชาเท่านั้น
คลิปสนทนาดังกล่าวหากหลวงตาอยู่เมืองไทยคงไม่มีปัญหา แต่บังเอิญท่านเลือกไปอยู่ที่กัมพูชาและผู้นำประเทศก็ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี อาจมีบางคำพูดที่ไม่ถูกใจผู้นำ ซึ่งท่านก็ยอมรับว่าอยู่ประเทศเขา เมื่อเขาขออะไรมาก็ต้องทำให้ เช่น ขอให้ช่วยเจรจาเพื่อความสงบสุข สันติสุขและสันติภาพเกิดขึ้นทั้ง 2 ประเทศ หวังว่าหลวงตาสุจคงปลอดภัย
ดรามาหนังสือหยุดยิง
จากนั้น 24 ธันวาคม 2568 มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ที่จันทบุรี ได้มีการนำหนังสือของพลเอกเตีย เซ็ยฮา รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ส่งถึงพลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทย ลงวันที่ 22 ธันวาคม 2568
ข้าพเจ้าขออ้างถึงแถลงการณ์ของประธานอาเซียนเกี่ยวกับการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนพิเศษว่าด้วยสถานการณ์ปัจจุบันระหว่างกัมพูชาและไทย เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2568 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งแสดงความยินดีต่อการหารือเกี่ยวกับการกลับมาเจรจาหยุดยิงและยุติการสู้รบ ในเรื่องนี้ กัมพูชาเห็นด้วยกับการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ที่เสนอให้จัดขึ้นในวันที่ 24 ธันวาคม 2568
เพื่อให้สอดคล้องกับแถลงการณ์ของประธานอาเซียนข้างต้น ข้าพเจ้าขอเสนอข้อต่อไปนี้
1. การประชุม GBC ครั้งนี้ควรจัดขึ้นในรูปแบบเดียวกับการประชุม GBC พิเศษที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ตามที่ระบุไว้ในวรรคที่ 13 ของบันทึกการประชุมที่ตกลงกันไว้
2. ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงเนื่องจากการสู้รบที่ยังคงดำเนินอยู่ตามแนวชายแดน การประชุมครั้งนี้ควรจัดขึ้นในสถานที่ที่ปลอดภัยและเป็นกลาง ในเรื่องนี้ มาเลเซียได้ตกลงที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์
3. ในวาระการประชุม ควรพิจารณาประเด็นสี่ประเด็นดังต่อไปนี้:
ก) การยุติการสู้รบทั้งหมดโดยทันที และการเคารพและปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 และปฏิญญาร่วมกัวลาลัมเปอร์เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 อย่างเต็มที่ รวมถึงข้อตกลงอื่นๆ ที่บรรลุภายใต้กรอบนี้
ข) การกลับคืนสู่ถิ่นฐานและวิถีชีวิตปกติของพลเรือนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายแดนที่ได้รับผลกระทบอย่างปลอดภัยและมีศักดิ์ศรี โดยปราศจากการขัดขวาง เหมือนก่อนเกิดการสู้รบ
ค) การระงับข้อพิพาทอย่างสันติวิธี โดยการกลับมาปฏิบัติตามปฏิญญาร่วมกัวลาลัมเปอร์เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 อย่างเต็มรูปแบบโดยทันที และการเปิดใช้งานกลไกที่มีอยู่ภายใต้กรอบนี้อย่างเร่งด่วน รวมถึงการกำหนดเขตแดนและการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม และ
ง) การเสริมสร้างบทบาทของคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) ในการรับรองการดำเนินการและการตรวจสอบการหยุดยิงและข้อตกลงอื่น ๆ ที่บรรลุภายใต้ปฏิญญาร่วมกัวลาลัมเปอร์
จดหมายดังกล่าวถูกตีความว่าเป็นการแสดงเจตนาขอหยุดยิงจากฝ่ายกัมพูชา จนพลเอกเตีย เซ็ยฮา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กัมพูชาต้องออกมาโพสต์เมื่อ 24 ธันวาคม 2568 ว่า จดหมายดังกล่าวถูกตีความว่าเป็นหนังสือขอเจรจาหยุดยิง
สื่อไทยบางสำนัก ทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ ได้นำหนังสือทางการ (ที่ส่งถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทย) ไปเผยแพร่ในลักษณะเสมือนว่าเป็นเอกสารหลุด
ในยุคสมัยนี้ มีทั้ง Google Translate, ChatGPT รวมถึง Gemini ที่สามารถแปลภาษาอังกฤษได้ ทว่าความหมายของเนื้อหากลับไม่ได้ตรงหรือมีสาระเช่นเดียวกับที่สื่อไทยได้นำไปเผยแพร่ให้ประชาชนไทยรับรู้ตามความเป็นจริงเลย จุดนี้ฉันรู้สึกสับสนมาก
เล่ห์เขมร
เขากำลังปฏิเสธว่าไม่ใช่หนังสือแสดงเจตนาหยุดยิง แต่ถ้าใครอ่านดี ๆ ก็ชัดเจนว่ามีการพูดถึงเรื่องหยุดยิงจริง เพียงแต่ไม่มีคำพูดใดของตัวรัฐมนตรีจะบอกว่ากัมพูชาต้องการหยุดยิง มันก็เป็นภาษาทางการทูตอีกรูปแบบหนึ่ง เพราะเรื่องภาพลักษณ์เป็นเรื่องสำคัญ
จนกระทั่งสื่อของกัมพูชายังบอกว่าหนังสือดังกล่าวถือเป็นของปลอม ซึ่งกลายเป็นเรื่องปกติของฝ่ายกัมพูชาไปแล้วว่า ถ้าต้องการปฏิเสธเรื่องใดก็ให้บอกว่าเป็นข่าวปลอม เพราะที่ผ่านมามีการบิดเรื่องจริงแล้วอ้างว่าเป็นข่าวปลอม หรือมีการสร้างข่าวปลอมขึ้นมาเองเลยก็มี
ข้อเสนอบางเรื่องก็ไม่สามารถปฏิบัติตามได้ เช่น ข) การกลับคืนสู่ถิ่นฐานและวิถีชีวิตปกติของพลเรือนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายแดนที่ได้รับผลกระทบอย่างปลอดภัยและมีศักดิ์ศรี โดยปราศจากการขัดขวาง เหมือนก่อนเกิดการสู้รบ
ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j

