สงครามน้ำลายเดือด เพื่อไทยชี้รัฐบาลเก่าทำเงินหมื่นล่ม ภูมิใจไทยสวนกลับ รัฐบาลเพื่อไทยเองที่สั่งเบรกนโยบาย โต้กันไปมาปมประชานิยม ใครกันแน่คือต้นเหตุให้ประชาชนชวดเงิน
พรรคเพื่อไทยตราบใดที่ยังไม่ได้กลับมาร่วมรัฐบาลด้วยกัน น่าจะต้องฟาดปากกันไปอีกนาน ล่าสุดพรรคเพื่อไทยได้ออกมาเปิดศึกแล้วว่ารัฐบาลเสียงข้างน้อยที่ผ่านมาเป็นต้นเหตุที่ทำให้ประชาชนไม่ได้เงินหมื่นตามโครงการของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย
ในเรื่องนี้เกิดมาจากการที่นางมนพร เจริญศรี อดีต สส.เขต 2 นครพนม พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ปราศรัยหาเสียง พื้นที่เขตเลือกตั้งที่ 1 นครพนม โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า โครงการเงินหมื่นดิจิทัลวอลเล็ต ของพรรคเพื่อไทย ไม่ได้ต้องการแค่จ่ายเงินให้ประชาชน แต่ตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทย ประสบปัญหาเศรษฐกิจการค้าตกต่ำ ประชาชนขาดรายได้ ผลกระทบจากการปฏิวัติรัฐประหาร ทำให้การค้าการลงทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศลดลง ขาดความเชื่อมั่นในการลงทุนของผู้ประกอบการ ทำให้รัฐบาลเพื่อไทย มีการชูนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจทุกด้าน รวมถึงเศรษฐกิจฐานราก จะต้องเริ่มจากการ อัดฉีดเม็ดเงินใส่กระเป๋าประชาชน
นางมนพร ระบุอีกว่า จนกระทั่งเกิดปัญหาการเมือง นายกรัฐมนตรีของรัฐบาลเพื่อไทย ถูกปลดถึง 2 คน ทำให้ได้รับผลกระทบในการขับเคลื่อนนโยบาย ทั้งที่งบประมาณดิจิตอลวอลเล็ตได้บรรจุไว้ใน พ.ร.บ.งบประมาณปี 2569 ผ่านสภาผู้แทนราษฎร ในยุครัฐบาลพรรคเพื่อไทย เตรียมนำงบประมารจ่ายเงินดิจิทัลวอลเล็ต ในส่วนที่เหลือ สุดท้ายถูกตีตกเพราะรัฐบาลเสียงข้างน้อย เพราะมีการจัดสรรงบประมาณไปทำโครงการคนละครึ่งพลัส จึงยืนยันต่อพี่น้องประชาชนว่า ไม่ได้เกิดปัญหาที่รัฐบาลเพื่อไทย หากมีโอกาสเข้าไปทำงานเป็นรัฐบบาล มั่นใจว่าทุกนโยบายจะมีการสานต่อ นี่คือปัญหาส่วนหนึ่งของการพัฒนาประเทศ
จากการปราศรัยทำให้ฝ่ายพรรคภูมิใจไทยออกมาตอบโต้ทันที นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี การกล่าวอ้างว่าสาเหตุที่โครงการเงินหมื่นไม่ได้ไปต่อ เพราะรัฐบาลเสียงข้างน้อยตีตกนั้น ไม่เป็นความจริงโดยสิ้นเชิง และเป็นการกล่าวที่ไม่รับผิดชอบกับสิ่งที่รัฐบาลของตัวเองได้หาเสียงเอาไว้ หากกลับไปดูมติ ครม. เมื่อวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีในเวลานั้นแถลงด้วยตัวเองว่าจะชะลอเงิน 10,000 เฟส 3 ออกไปก่อน โดยให้เหตุผลว่า เนื่องจากมีความจำเป็นน้อยกว่าที่จะนำไปใช้ในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และใช้เวลาเร่งรีบ หากจำได้ใช้เวลาแปลงเงิน 1.5 แสนล้านบาท ในเวลาไม่ถึงสัปดาห์ เป็นสาเหตุที่ไม่ได้แจกเงิน
โฆษกรัฐบาล อธิบายอีกว่า เมื่อมาถึงรัฐบาลนี้ ไม่ได้มีงบประมาณส่วนใดที่จัดสรรไว้สำหรับเงินโครงการเงินหมื่น และโครงการคนละครึ่งพลัส เป็นการนำงบกลาง ในการกระตุ้นเศรษฐกิจมาใช้ และไม่ได้มีการเตรียมการไว้ว่าเงินจะใช้งบประมาณจากแหล่งใด ส่วนโครงการคนละครึ่งพลัส ใช้เงินประมาณ 40,000 ล้านบาท ขณะที่เงินหมื่นแต่ละเฟส ใช้เงินกว่าแสนล้านบาท
“ของเราเป็นการกระตุ้นสั้น ได้ผลยาว กระจายตัว แต่โครงการที่แล้ว กระตุ้นสั้น แต่ซึมยาว” นายสิริพงศ์กล่าว

