กรมศุลฯ เคาะแล้ว 1 มกราคม 2569 เริ่มเก็บภาษีนำเข้าสินค้าออนไลน์ตั้งแต่บาทแรก ยกเลิกเกณฑ์ยกเว้นของราคาไม่เกิน 1,500 บาท หวังสร้างความเป็นธรรมให้ผู้ค้าไทยและเพิ่มรายได้รัฐ คาดกระทบนักช้อปสายพรีออเดอร์ทั่วประเทศ
รัฐบาลเดินหน้าคุมเข้มการนำเข้าสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ หวังยกระดับการแข่งขันทางการค้าให้เป็นธรรม ปกป้องผู้บริโภค และเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ของรัฐ ล่าสุดกรมศุลกากรจับมือ 5 แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ ลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือ (MOU) พร้อมประกาศแนวทางใหม่ในการจัดเก็บอากรสินค้านำเข้ามูลค่าต่ำ เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป
นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยภายหลังพิธีลงนาม MOU ความร่วมมือในการกำกับดูแลและปราบปรามการนำเข้าสินค้าผิดกฎหมายและสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน ร่วมกับ 5 แพลตฟอร์มออนไลน์ ได้แก่ ลาซาด้า ช้อปปี้ ติ๊กต็อก ช้อป SHEIN และ TEMU ว่า กรอบความร่วมมือดังกล่าวมีวัตถุประสงค์หลัก 3 มิติ ได้แก่
1.มิติการส่งเสริมการแข่งขันทางการค้าอย่างเป็นธรรม ผ่านการเชื่อมโยงข้อมูลสินค้าที่จำหน่ายบนแพลตฟอร์มพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ อาทิ ประเภทสินค้า ปริมาณ และมูลค่า เพื่อใช้ตรวจสอบความถูกต้องในขั้นตอนพิธีการศุลกากร ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจปล่อยสินค้า
2. มิติการปกป้องสังคมและผู้บริโภค โดยกำหนดกลไกความร่วมมือในการตรวจสอบข้อมูล เพื่อป้องกันการจำหน่ายสินค้าผิดกฎหมายและสินค้าไม่ได้มาตรฐาน และ
3. มิติการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ของรัฐ จากการเชื่อมโยงข้อมูลสินค้านำเข้า ซึ่งจะทำให้การจัดเก็บภาษีอากรเป็นไปอย่างถูกต้องและครบถ้วนมากขึ้น
นอกจากนี้ อธิบดีกรมศุลกากร ระบุว่า รัฐบาลและกระทรวงการคลังกำลังเร่งผลักดันการปรับเปลี่ยนแนวทางการจัดเก็บอากรสำหรับสินค้านำเข้ามูลค่าต่ำ โดยจะจัดเก็บอากรสำหรับสินค้านำเข้าที่มีมูลค่าตั้งแต่ 1 บาทขึ้นไป มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 แทนการยกเว้นอากรสำหรับของนำเข้ามูลค่าไม่เกิน 1,500 บาท ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มรายได้ให้รัฐประมาณ 3,000 ล้านบาทต่อปี และช่วยสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้ประกอบการไทย โดยข้อมูลในปีที่ผ่านมา พบว่ามีการนำเข้าสินค้ามูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท สูงถึงราว 30,000 ล้านบาท หรือประมาณ 150–160 ล้านชิ้น สะท้อนปริมาณการนำเข้าสินค้าราคาต่ำที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับแนวทางการจัดเก็บอากรนั้น เบื้องต้นแพลตฟอร์มจะรวมภาษีอากรไว้ในราคาสินค้า ทำให้ขั้นตอนการจัดส่งยังคงเหมือนเดิม โดยสินค้ากว่า 97% จะถูกส่งตรงถึงบ้านผู้บริโภค ยกเว้นสินค้าที่ส่งผ่านไปรษณีย์ไทย ซึ่งจะต้องชำระภาษีกับพนักงานนำส่ง ทั้งนี้ สินค้านำเข้าจะถูกจัดเก็บภาษีตามพิกัดศุลกากรของแต่ละประเภท อัตราสูงสุดอาจถึง 30% เช่น กลุ่มแฟชั่น เสื้อผ้า รองเท้า ส่วนกระเป๋าจะอยู่ที่ประมาณ 20%
อธิบดีกรมศุลกากร ยืนยันว่า มาตรการทั้งหมดจะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค ขณะที่ผลกระทบด้านราคาสินค้าจะขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการของแต่ละแพลตฟอร์ม ซึ่งบางส่วนอาจมีการชดเชยภาษีในราคาสินค้า
ขณะเดียวกัน แนวโน้มการจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณ 2569 คาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมาย จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากมาตรการดังกล่าว แม้การจัดเก็บอากรจากสินค้าฟุ่มเฟือยและการนำเข้ารถยนต์จะลดลงต่อเนื่อง อันเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจและการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากความตกลงการค้าเสรี (FTA) ซึ่งภายหลังการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ อาจต้องมีการหารือแนวทางบริหารจัดการรายได้เพิ่มเติม
ด้านพันโทหญิง ธมกร ศุภธนรังสี รองประธานฝ่ายรัฐสัมพันธ์ บริษัท ลาซาด้า จำกัด มองว่าความร่วมมือครั้งนี้จะส่งผลเชิงบวก โดยที่ผ่านมาแพลตฟอร์มได้หารือกับกรมศุลกากรอย่างต่อเนื่อง และให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการเพื่อปรับตัวให้ถูกต้องตามกฎหมาย ส่งผลให้ทุกฝ่ายแข่งขันกันบนมาตรฐานเดียวกัน และช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคกลับมาใช้บริการผ่านแพลตฟอร์มมากยิ่งขึ้นในระยะยาว