เปิดโผปาร์ตี้ลิสต์สองพรรคใหญ่ ขนขุนพลการเมืองชุดใหญ่ลงสนาม สวนทางเสียงเอกชนที่อยากได้รัฐมนตรีเศรษฐกิจมือดีเข้ามาแก้วิกฤตประเทศ ชี้ไทยกำลังอยู่ในภาวะหมดบุญเก่า
พรรคการเมืองใหญ่เริ่มทยอยเปิดเผยรายชื่อผู้สมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ให้เห็นกันพอสมควร แม้ว่าจะยังไม่มีการจัดลำดับกันอย่างเป็นทางการ สำหรับพรรคภูมิใจไทย แน่นอนว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค และ นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค จะอยู่ในบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 และ 2 นอกเหนือจากนั้นจะมีการจัดลำดับตามความเหมาะสม เช่น นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ น.ส.ศุภมาศ อิสรภักดี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ นายสันติ พร้อมพัฒน์ แกนนำกลุ่มเพชรบูรณ์ นายพิบูลย์ รัชกิจประการ อดีต สส.สตูล พรรคภท. นายมงคลพัฒน์ สรรณ์ไตรภพ อดีตคณะที่ปรึกษารองนายกฯ
ขณะที่อดีต สส. ที่ย้ายมาจากพรรคการเมืองอื่น หลายคนมีชื่อลงสมัครบัญชีรายชื่อ อาทิ นายวราวุธ ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) นายนิกร จำนง อดีตผอ.พรรคชทพ. นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ อดีต สส.นครปฐม นายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู รวมถึง นายกิตติชัย เอ่งฉ้วน รองนายกอบจ.กระบี่ นายพิกิฏ ศรีชนะ อดีต สส.ยโสธร นายปิติ ปิตุเตชะ นายพงศกร อรรณนพพร อดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.)
ส่วนพรรคเพื่อไทย ก็เริ่มมีการเปิดตัวเช่นกันนำโดย 3 แคนดิเดทนายกรัฐมนตรีของพรรค ทั้งนายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ โดยมีชื่อของบุคคลที่น่าสนใจโดยเฉพาะนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตแกนนำคนเสื้อแดงที่กลับมาลงสนามการเมืองอีกครั้งภายหลังตัดสินใจเดินทางกลับประเทศไทยมาสู้คดี หรือ นายจาตุรนต์ ฉายแสง ที่เพิ่งประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย นายธงธรรม เวชยชัย บุตรชายนายภูมิธรรม เวชยชัย อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ขณะเดียวกัน ยังมีท่าทีจากภาคเอกชนต่อการเลือกตั้งในครั้งนี้ นายนาคาญ์ ทวิชาวัฒน์ ประธานคลัสเตอร์อุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ระบุว่า อยากเห็นทีมเศรษฐกิจที่จะเข้ามาบริหารประเทศในลักษณะเทคโนแครตหรือผู้ที่เคยอยู่ในแวดวงเศรษฐกิจมาก่อน โดยสำหรับทีมเศรษฐกิจชุดหน้าว่า ควรให้ความสำคัญกับการจัดการภายในประเทศ อาทิ การสร้างบุคลากรให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการรองรับเทคโนโลยีและหุ่นยนต์ (Robot) หากคนรุ่นใหม่ไม่ได้สร้างหรือใช้สิ่งเหล่านี้ไม่ถนัด อาจทำให้คนตกงานสูงขึ้น และหากพึ่งพาต่างประเทศมากขึ้นก็จะเกิดปัญหาตามมา และการบริหารจัดการต้นทุนต่างๆ ที่ขณะนี้ไทยถือว่ามีต้นทุนที่แพง โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ อาทิ ไฟฟ้า เพราะมูลค่าของพลังงานที่ถูกหรือแพงจะเป็นองค์ประกอบหลักในการตัดสินใจของต่างประเทศที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย
นายนาคาญ์ กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วงสุญญากาศการเมืองนี้ ต้องยอมรับว่าเป็นช่วงที่เหนื่อย เศรษฐกิจมาถึงจุดที่เรียกว่าหมดบุญเก่า คือสิ่งที่ประเทศสั่งสมมาเริ่มหมดและขาดแคลน ขณะที่ก่อนหน้าก็ไม่ได้มีการเติมสิ่งที่ขาดให้เต็ม ตอนนี้เลยเหมือนกับคนเราเงินหมดตอนตกงานพอดี ส่งผลให้มีปัญหาหลายด้านรุมล้อม และมองว่าการแก้ปัญหาแบบการแจกเงินไม่ได้ผล และในระยะยาวก็ไม่ดีขึ้น รวมทั้งเรื่องค่าแรงที่ควรปล่อยให้ไหลไปตามกลไกที่ควรจะเป็น อย่าเอามาเป็นเงื่อนไขของการหาเสียง เพราะหากเราไปแทรกแซง ต้องการให้ปรับขึ้นมากกว่านี้โดยไม่ตรงตามกลไกตลาดและธุรกิจ สุดท้ายแล้วถึงขึ้นค่าแรงไปคนก็ไม่มาลงทุน และไม่สามารถสร้างประโยชน์ได้จริง

