xs
xsm
sm
md
lg

ศาลอาญาคดีทุจริต ภาค 5 จำคุก“ คนละ 1 ปี หมวดกับจ่า ครูฝึก ลงโทษพลทหารเสียชีวิต ในค่ายจ.เชียงราย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:


ญาติพลทหารที่เสียขีวิตไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน
ศาลอาญาคดีทุจริต ภาค 5 จำคุก“ คนละ 1 ปีหมวดกับจ่า ครูฝึก ลงโทษพลทหารเสียชีวิต ในค่ายดัง จ.เชียงราย ศาลปรานีลดโทษเหลือจำคุก คนละ 8 เดือน ไม่รอลงอาญา

วันนี้ (18 ธ.ค.) ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 อ่านคำพิพากษาคดีที่อัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 5 เป็นโจทก์ น.ส.แก้วกัญญา แซ่ลี ภรรยาของผู้ตายเป็นโจทก์ร่วมที่ 1 และนายสุวิทย์ เวียงบรรพต บิดาของพลทหาร กิตติธร อายุ 27 ปี ทหารผลัด 1 ค่ายดังในจ.เชียงราย ได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ เมื่อวันที่ 16 ก.ค. 66 ที่ผ่านมา แพทย์ระบุว่าเกิดจากการติดเชื้อในกระแสเลือดและปอดอักเสบ เป็นโจทก์ร่วมที่ 2 ยื่นฟ้อง นายทหารยศร้อยโท(ครูฝึก) เป็นจำเลยที่ 1 และทหารยศจ่าสิบโท (ผู้ช่วยครูฝึก) จำเลยที่ 2 ร่วมกันเป็นจำเลยความผิดต่อพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565
มาตรา 6, 36 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83

พฤติการณ์ระบุว่า ขณะเกิดเหตุเดือน กรกฎาคม 2566 เวลากลางคืน ครูนายสิบตรวจพบทหารเกณฑ์หลายนายนำบุหรี่มาสูบในเรือนนอน ซึ่งผิดกฎระเบียบข้อห้ามสำหรับทหารกองประจำการ (ทหารเกณฑ์) จำเลยที่ 1 ซึ่งรู้เห็นและอนุญาตให้จำเลยที่ 2 สั่งลงโทษพลทหารทั้งหมวดซึ่งมีพลทหารกิตติธร ผู้ตายรวมอยู่ด้วย โดยให้ทำท่าออกกำลังกาย (ท่าพีที) ตั้งแต่เวลา 19.30-20.00 น. ซึ่งนานเกินสมควร และยังสั่งให้พลทหารหมวดฝึกทุกคนนอนนอกเรือนนอนทั้งคืนในสภาพผู้ตายเสื้อผ้าเปียกชื้นบางคนไม่มีเครื่องนอนปกคลุมร่างกายในสภาพอากาศที่ขณะนั้นหนาวเย็นกว่าปกติเพราะมีฝนตกช่วงกลางวัน อันเป็นการฝ่าฝืนระเบียบคำสั่งของกองทัพ เรื่องการลงทัณฑ์ทหารที่กระทำความผิด ปรับปรุงวินัย
และการออกกำลังกาย ลงวันที่ 14 มิถุนายน2566 เรื่องกำหนดเวลาที่ให้ผู้ฝึกทหารใหม่สามารถสั่งลงโทษ
ด้วยการออกกำลังกายรูปแบบใหม่ได้ครั้งละไม่เกิน 12 ท่า 12 นาที และต้องไม่มีการซ่อมวินัย และงดให้ออกกำลังกายอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง ก่อนเข้านอน ตั้งแต่ช่วงเวลา 18.00-21.00 น.โดยพลทหารผู้ตายเจ็บป่วยและถึงแก่ความตายด้วยสาเหตุติดเชื้อในกระแสเลือด เหตุเกิดที่ จ.เชียงราย ชั้นพิจารณา จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 พิเคราะห์แล้วมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่าจำเลยทั้งสองกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ ฝ่ายโจทก์มีพยาน 4 ปากและโจทก์ร่วมทั้งสอง เบิกความยืนยันและให้การข้อเท็จจริงถึงส่วนที่ตนรู้เห็นเกี่ยวกับพฤติการณ์ของจำเลยทั้งสองโดยละเอียด ไม่มีข้อพิรุธ

ส่วนคำเบิกความโจทก์ร่วมที่ 1 ที่ฟังจากคำบอกเล่าของผู้ตายเกี่ยวกับการลงโทษนั้น มีลักษณะเป็นการบอกกล่าวสารทุกข์สุขดิบให้คู่ชีวิตรับรู้ถึงความยากลำบากระหว่างการฝึก ไม่มีข้อเคลือบแคลงสงสัยว่าจะใส่ร้ายจำเลยทั้งสอง และโจทก์กับโจทก์ร่วมยังมีพยานเอกสารเป็นกระดาษเขียนข่าวลงวันที่14 มิถุนายน2566 ซึ่งเป็นระเบียบคำสั่งของกองทัพบกเรื่องการลงทัณฑ์ทหารที่กระทำความผิดฯ
ได้กำหนดไม่ให้ใช้การลงโทษในลักษณะรวมการ และที่เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายแก่ร่างกาย ซึ่งคำให้การของจำเลยทั้งสองมีส่วนที่เจือสมกับพยานหลักฐานโจทก์และโจทก์ร่วม โดยก่อนเกิดเหตุผู้ตายยังมีสภาพร่างกายปกติ และอยู่ในค่ายตลอดเวลา แต่หลังจากถูกลงโทษเพียง 2 วัน ผู้ตายกลับเริ่มมีอาการเจ็บป่วย ติดเชื้อแบคทีเรียเป็นโรคไข้ดิน กระทั่งถึงแก่ความตายหลังเกิดเหตุ 9 วัน ดังนั้นการลงโทษและการเจ็บป่วยจึงมีความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกัน ซึ่งแพทย์ผู้รักษาผู้ตายได้เบิกความเกี่ยวกับอาการของโรคที่สัมพันธ์กับพฤติการณ์ของผู้ตายที่ถูกลงโทษ โดยพยานหลักฐานจำเลยทั้งสองนำสืบต่อสู้ไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานโจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสอง

ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิดฐานร่วมกันกระทำ การที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ตามฟ้อง

จึงพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 มาตรา 6 วรรคหนึ่ง, 36 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83ให้จำคุกจำเลยที่ 1-2 คนละ 1 ปี โดยทางนำสืบของจำเลยทั้งสองเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คง จำคุกคนละ 8 เดือนไม่รอลงอาญา

ต่อมาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยทั้งสองระหว่างอุทธรณ์ วงเงินคนละ 60,000 บาท ห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร
กำลังโหลดความคิดเห็น