นราธิวาส - ครอบครัว ส่วนราชการและประชาชนในพื้นที่ ต.ดุซงญอ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส เตรียมรับศพ “พลฯ มุสตากีม มาเจ๊ะมะ” วีรบุรุษช่องอานม้า กลับบ้านเกิด
วันนี้ (14 ธ.ค.) นางสากีนะ ดือรานิง ยายของ พลอาสา มุสตากีม มาเจ๊ะมะ อายุ 21 ปี พลยิงอาวุธต่อสู้รถถัง กองพันจู่โจม ซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่สู้รบกับกัมพูชา ณ พื้นที่ซำแต บริเวณเนิน 677 ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 68 ที่ผ่านมา พร้อมด้วย น.ส.พารีดะ เจ๊ะแว ซึ่งเป็นน้าสาวของ ส.อ.พาอีซะห์ เจ๊ะแว ผู้เป็นมารดา และเครือญาติ ส่วนราชการและประชาชนในพื้นที่ ได้ร่วมกันจัดเตรียมสถานที่อย่างสมเกียรติ เพื่อรอรับศพของ พลฯ มุสตากีม ที่ทางผู้บังคับบัญชาจะลำเลียงศพด้วยเครื่องบิน ซี 130 มาถึงท่าอากาศยานนราธิวาส ช่วงเวลาบ่ายวันนี้เพื่อประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านเกิด
สำหรับพิธีอาบน้ำศพจะมีขึ้น ณ ที่ทำการผู้ใหญ่บ้านสุแฆ เลขที่ 11 ม.3 ต.ดุซงญอ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส ซึ่งอยู่ข้างบ้านพักของ พลฯ มุสตากีม โดยมีเครือญาติและเพื่อนบ้านจำนวนหนึ่ง ได้ช่วยกันจัดเตรียมสถานที่เพื่อรองรับผู้บังคับบัญชาและแขกที่เดินทางมาร่วมงาน เพื่อเป็นการไว้อาลัยครั้งสุดท้ายของ พลฯ มุสตากีม รวมทั้งมีการจัดเตรียมแท่นอาบน้ำศพและฐานใช้สำหรับแบกศพของพลฯ มุสตากีม ไปประกอบพิธีที่มัสยิดก่อนที่จะนำไปฝังที่กูโบร์สุแฆ
ส่วนที่บริเวณกูโบร์บ้านสุแฆ ซึ่งห่างจากบ้านพักของ พลฯ มุสตากีม ประมาณ 500 เมตร ได้มีกองอาสารักษาดินแดน อ.จะแนะ ชรบ. และชาวบ้านจำนวนหนึ่ง กำลังช่วยกันกางเต็นท์ และช่วยกันขุดหลุมเพื่อฝังศพ พลฯ มุสตากีม ท่ามกลางฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง
ประวัติของ พลฯ มุสตากีม เขาเกิดมาในครอบครัวทหารโดยแท้ เพราะแม่ของเขา คือ ส.อ.พาอีซะห์ ก็เป็นทหารอยู่ศูนย์การทหารม้าค่ายอดิศร จ.สระบุรี ที่ย้ายมาจากการปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่กรมทหารพรานที่ 41 จ.ยะลา ตั้งแต่เด็ก พลฯ มุสตากีม ก็ฝันว่าเมื่อเติบโตขึ้นจะเป็นทหาร พออายุได้ 20 ปี จึงได้สมัครเข้าหน่วยรบพิเศษ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เคยร่วมสู้รบกับกัมพูชาที่ภูมะเขือ เมื่อเดือน ก.ค.68 ที่ผ่านมา จนได้รับชัยชนะ ทำให้ทหารเข้ายึดพื้นที่ได้
ด้าน น.ส.พารีดะ เจ๊ะแว ซึ่งเป็นน้าสาว กล่าวว่า นางสากีนะ ดือรานิง ยายของ พลฯ มุสตากีม เป็นคนเลี้ยง พลฯ มุสตากีม ตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่แกปะทะครั้งแรกที่ภูมะเขือ แกสั่งไว้ถ้าแกเสียให้เอาศพมาฝังที่บ้านเกิดตรงนี้ แกเป็นทหารมานาน 2 ปีกว่า แกเป็นคนเก่งมีความกล้าหาญ โดยไม่มีลางบอกเหตุว่าแกต้องมาเสียชีวิตในครั้งนี้
