xs
xsm
sm
md
lg

ศึกการทูต!กัมพูชา-ไทยต่างยื่นหนังสือถึง UN แต่เขมรหน้าหงาย UNSC ยังเงียบคำขอประณามไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



กัมพูชาและไทยยกระดับการเผชิญหน้าทางการทูต ณ เวทีสหประชาชาติ ต่างยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการกล่าวหาอีกฝ่ายรุกรานข้ามชายแดน ในขณะที่การสู้รบที่ยังคงมีต่อไปทำให้ประชาชนจากทั้ง 2 ฟากฝั่งตามแนวชายแดนหลายแสนคนต้องพลัดถิ่นฐาน อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าพนมเปญจะเป็นฝ่ายเพลี้ยงพล้ำในแยกแรก เมื่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ(UNSC) ยังไม่ตอบสนองใดๆต่อคำร้องของกัมพูชาที่ขอให้ประณามไทย

รายงานข่าวของขแมร์ไทม์ส ระบุว่าในหนังสือที่ส่งถึง อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติเมื่อวันอังคาร(9ธ.ค.) นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ กล่าวหากัมพูชา ก่อการ "ละเมิดอย่างร้ายแรงต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย"

เขากล่าวอ้างว่าทหารกัมพูชาเปิดฉากสิ่งใส่กองกำลังของไทยระหว่างทำการลาดตระเวนตามเส้นทางปกติในจังหวัดศรีสะเกษในวันอาทิตย์(7ธ.ค.) ส่งผลให้มีทหารได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ในหนังสือระบุว่าเหตุปะทะหนักหน่วงขึ้นในวันต่อมา จากการโจมตีที่เกิดขึ้นโดยปราศจากการยั่วยุใดๆทั้งในจังหวัดอุบลราชธานี, บุรีรัมย์, สุรินทร์, ศรีสะเกษและสระแก้ว ส่งผลให้ทหารไทยเสียชีวิตอย่างน้อย 1 นายและบาดเจ็บ 18 นาย ในนั้น 3 นายอาหารสาหัส ประชาชนมากกว่า 400,000 คน ต้องหลบหนีออกจากบ้านเรือนที่พักอาศัย และในนั้น 2 คน เสียชีวิตจากภาวะหัวใจวายระหว่างการอพยพ

ไทยกล่าวหากัมพูชาใช่ปืนกลหนัก, ปืนครก, เครื่องยิงจรวดหลายลำกล้องและอาวุธหนักอื่นๆ ขณะเดียวกันก็จงใจเล่นงานพลเรือนและโครงสร้างพื้นฐานทางพลเรือน

ฝ่ายไทยเน้นย้ำว่ากองทัพได้ตอบโต้ด้วยการใช้สิทธิการป้องกันตนเองโดยชอบด้วยกฎหมายภายใต้มาตรา 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ พร้อมยืนกรานว่าปฏิบัติการต่างๆเป็นไปอย่างอดกลั้น สวมสัดส่วนและมีเป้าหมายเพียงอย่างเดียวคือกำจัดภัยคุกคามปัจจุบันทันด่วน ผู้แทนทูตถาวรของไทยยังปฏิเสธในสิ่งที่เรียกว่าเป็น "นิยายเท็จ" ของกัมพูชา กล่าวหาพนมเปญพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงและบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของไทย

ทั้งนี้ไทยกล่าวหากัมพูชายั่วยุก่อกวนซ้ำๆ ในนั้นรวมถึงวางทุ่นระเบิด PMN-2 ภายในดินแดนของไทยและยิงใส่ทหารไทยในเดือนพฤศจิกายน ไทยเรียกร้องประชาคมนานาชาติกดดันกัมพูชาให้ยุติความเป็นปรปักษ์และร้องขอสหประชาชาติเวียนต่อหนังสือฉบับนี้ในฐานะเอกสารของสมัชชาใหญ่อย่างเป็นทางการ

หนึ่งวันต่อมา กัมพูชาก็ส่งหนังสือของตนเองเช่นกัน คราวนี้ส่งถึง ซามูเอล ซโบการ์ จากสโลวาเกีย ประธานหมุนเวียนคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ สำหรับเดือนธันวาคม กล่าวหาทหารไทยทำการรุกรานติดอาวุธโดยปราศจากการยั่วยุและไม่ชอบด้วยกฎหมาย เริ่มมาตั้งแต่วันอาทิตย์(7ธ.ค.)

ในหนังสือที่นำเสนอโดย นายแก้ว เชีย (Keo Chhea) เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ ระบุว่าทหารไทยยิงอาวุธหนักเข้าใส่ตำแหน่งต่างๆของกัมพูขาในพระวิหารและอุดรมีชัย ตามด้วยห่าปืนครก จากนั้นในตอนรุ่งสางของวันจันทร์(8ธ.ค.) ไทยยกระดับปฏิบัติการด้วยการใช้กระสุนจริง, ปืนครก, รถถัง, ปืนใหญ่, โดรน, เครื่องบินรบและควันพิษ พร้อมกับผลักดันการสู้รบเข้าสู่พื้นที่พลเรือนในบันทายมีชัย, โพธิสัตว์และพระตะบอง กัมพูชาอ้างว่าการโจมตีทำให้พลเรือนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ทำลายล้างบ้านเรือนและโครงสร้างพื้นฐานในวงกว้าง และก่อวคามเสียหายแก่ที่ตั้งมรดกของประเทศ ในนั้นรวมถึงปราสาทพระวิหาร

พนมเปญระบุว่ากองกำลังของพวกเขาอดทนอดกลั้นขั้นสูงสุด ละเว้นไว้ซึ่งการตอบโต้เป็นเวลากว่า 24 ชั่วโมง เพื่อแสดงความเคารพต่อข้อตกลงหยุดยิงและข้อตกลงสันติภาพกัวลาลัมเปอร์ที่เห็นพ้องต้องกันในเดือนตุลาคม พวกเขากล่าวหาไทยละเมิดข้อตกลงทั้ง 2 และอาศัยเพียงแผนที่ที่ร่างเองฝ่ายเดียว ซึ่งขัดแย้งกับเอกสารชายแดนที่ได้รับการับรองโดยสนธิสัญญาปี 1904 และ 1907 รวมถึงศาลยุติธรรมระห่างประเทศและบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการปักปันเขตแดนปี 2000(พ.ศ. 2543) ที่ลงทะเบียน ณ สหประชาชาติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

กัมพูชาอ้างว่าสถานการณ์ในตอนนี้เข้าองค์ประกอบของภัยคุกคามโดยตรงที่มีต่อสันติภาพและความมั่นคงของภูมิภาค พร้อมเรียกร้องคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติประณามการกระทำของไทย เรียกร้องให้หยุดปฏิบัติการของไทยในทันทีและส่งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จของสหกระชาชาติเข้าสืบสวน

อย่างไรก็ตามหนังสือพิมพ์ขแมร์ไทม์ส ยอมรับเองว่า จนถึงตอนนี้ทางคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ยังไม่ตอบสนองใดๆต่อคำร้องขอของทางกัมพูชา

(ที่มา:ขแมร์ไทม์ส/mgronline)
กำลังโหลดความคิดเห็น