xs
xsm
sm
md
lg

"ผู้พิพากษารัฐแมรีแลนด์" “ คิลมาร์ อาเบรโก การ์เซีย” ชาวซัลวาดอร์ออกจากคุก ICE หลังมีแผนเตรียมเนรเทศไป 6 ประเทศทั่วโลกรวม “แอฟริกา” ในเคสตัวอย่างเนรเทศผู้อพยพหมู่อย่างผิดพลาดของทรัมป์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ – ผู้พิพากษาศาลแขวงรัฐแมรีแลนด์ พอลลา ซีนิส (Paula Xinis) วันพฤหัสบดี(11 ธ.ค)ออกคำสั่งปล่อยตัวชาวซัลวาดอร์ คิลมาร์ อาเบรโก การ์เซีย (Kilmar Abrego Garcia)ออกจากเรือนจำของหน่วยเข้าเมืองสหรัฐฯ ICE หลังโดนจับอย่างไม่ชอบด้วยกฎหมายในเคสตัวอย่างนโยบายเนรเทศผู้อพยพหมู่อย่างผิดพลาดของรัฐบาลประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ กลายเป็นที่สนใจไปทั่วโลกเมื่อรัฐบาลสหรัฐฯมีแผนพยายามเนรเทศไป 6 ประเททั่วโลกรวมที่แอฟริกา

ดิอินดีเพนเดนท์ของอังกฤษรายงานวันพฤหัสบดี(11 ธ.ค)ว่า ชาวซัลวาดอร์ คิลมาร์ อาเบรโก การ์เซีย (Kilmar Abrego Garcia) ที่อาศัยในสหรัฐฯถูกเนรเทศอย่างผิดกฎหมายโดยรัฐบาลประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวันที่ 15 มี.ค ต้นปี ในสิ่งที่เรียกว่า “เป็นความผิดพลาดทางบริหาร”

และในเวลานั้นชาวซัลวาดอร์คดีตัวอย่างนี้ไม่เคยถูกสั่งฟ้องหรือทำผิดทางอาญาแต่กระนั้นอาเบรโก การ์เซียยังโดนส่งเข้าเรือนจำโดยไม่มีการไต่สวนในศูนย์เรือนจำก่อการร้ายซัลวาดอร์ CECOTที่ป่าเถื่อน

เขาเป็นหนึ่งในผู้อพยพหลายร้อยคนที่รัฐบาลทรัมป์ส่งเนรเทศเข้าเรือนจำคุกมืดแห่งนี้โดยไม่มีการขึ้นศาลไต่สวนไม่ต่างจากคุกกวนตานาโม

ICE ขึ้นชื่อว่าพยายามกวาดล้างคนเข้าเมืองสหรัฐฯตามนโยบายการกวาดล้างผู้อพยพหมู่ของทรัมป์ที่หน่วย ICE ล่าสุดตั้งเป้าจับชาวต่างชาติที่กำลังจะเข้าสัมภาษณ์กรีนการ์ดใบเขียว โดยหนึ่งในนั้นเป็นผู้หญิงอังกฤษวัย 33 ปี

อ้างอิงจากเดลีเมล ของอังกฤษ รายงานก่อนหน้าเมื่อวันที่ 27 พ.ย ว่า เคธี พอล (Katie Paul) โดนจับที่สำนักงานเข้าเมืองสหรัฐฯในเมืองซานดิเอโกระหว่างรอการสัมภาษณ์กรีนการ์ด ICE อ้างว่า พอลที่แต่งงานกับชาวอเมริกัน 1 เดือนหลังเดินทางเข้าอเมริกาอยู่เกินวีซ่าไม่สนใจกฎหมายสหรัฐฯปี 1986 ที่อนุญาตให้คู่สมรสต่างชาติที่เดินทางเข้าสหรัฐฯถูกกฎหมายที่มีคุณสมบัติได้กรีนการ์ดสามารถอยู่ในอเมริกาได้ถึงแม้วีซ่าจะหมดอายุ เดลีเมลรายงานว่า ICE ยอมปล่อยตัวเธอออกมาและรัฐบาลสหรัฐฯออกกรีนการ์ดให้พอลในที่สุด

โดยในวันพฤหัสบดี(11) ผู้พิพากษาได้สั่งปล่อยตัวการ์เซียจากเรือนจำ ICE ในทันที

ทั้งนี้อัยการสหรัฐฯยอมรับว่าเขาโดนจับเนื่องมาจาก "ความผิดพลาดทางกระบวนการ" และผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯไม่กี่คนและศาลสูงสุดสหรัฐฯมีมติเป็นเอกฉันท์สั่งรัฐบาลทรัมป์ให้ความร่วมมือช่วยนำตัวการ์เซียกลับมาที่สหรัฐฯอีกครั้ง

แต่ถึงแม้รัฐบาลสหรัฐฯจะพยายามเตะถ่วงพร้อมประกาศจะไม่ยอมให้อาเบรโก การ์เซียกลับเข้าประเทศ เขาโดนส่งกลับไปสหรัฐฯในทันทีเมื่อมิถุนายนเพื่อเผชิญข้อหาที่อ้างว่าเขาแอบลักลอบนำกลุ่มผู้อพยพข้ามพรมแดนเข้าสหรัฐฯอย่างผิดกฎหมายแต่ การ์เซียปฎิเสธไม่ยอมรับข้อกล่าวหา

อาเบรโก การ์เซีย ถูกปล่อยจากเรือนจำฝากขังในคดีนั้น แต่หน่วย ICE จับตัวเขาในทันทีอีกครั้ง และเริ่มต้นการต่อสู้ทางกฎหมายครั้งใหม่เพื่อพยายามเนรเทศก่อนที่ชายชาวซัลวาดอร์จะเผชิญหน้าต่อการไต่สวนข้อกล่าวหา

และนับตั้งแต่นั้นรัฐบาลทรัมป์พยายามจะเนรเทศเขาออกไปไม่ต่ำกว่า 6 ประเทศทั่วโลกรวมที่แอฟริกาได้แก่ เอสวาตินี , กานา ,ไลบีเรีย และยูกันดา

ทีมกฎหมายของอาเบร การ์เซีย เปิดเผยว่า ลูกความกำลังเตรียมเพื่อเดินทางออกนอกประเทศไปคอสตาริกาที่เขาเต็มใจจะเดินทางไป แต่รัฐบาลทรัมป์ปฎิเสธจากเงื่อนไขที่ว่าเขาไม่ยอมตกลงในการยอมรับความผิดลักลอบค้ามนุษย์ โดยคอสตาริกาได้เสนอให้สถานะผู้อพยพและผู้อาศัยแก่ชายชาวซัลวาดอร์ผู้นี้

ผู้พิพากษาศาลแขวงรัฐแมรีแลนด์ พอลลา ซีนิส ได้ตักเตือนเจ้าหน้าที่สหรัฐฯต่อการท้าทายคำสั่งศาลซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ทั้งนี้อาเบรโก การ์เซีย เดินทางเข้าสหรัฐฯอย่างผิดกฎหมายเมื่อปี 2011 ในขณะที่มีอายุแค่ 16 ปีก่อนไปอาศัยกับพี่ชายที่เป็นพลเมืองสหรัฐฯในรัฐแมรีแลนด์ เขาแต่งงานกับภรรยาชาวอเมริกันและมีบุตรร่วมกัน รัฐบาลทรัมป์กล่าวหาว่าเขาเป็นสมาชิกแก๊งมาเฟีย MS-13 แต่เขาปฎิเสธ




กำลังโหลดความคิดเห็น