รมว.วัฒนธรรม เผยให้ความสำคัญกับการรักษาดินแดนและประเทศ กรณีเกิดเหตุสุดวิสัยกับโบราณสถาน กรมศิลปากรพร้อมซ่อมแซมได้ทันที ชี้หากไม่มีประเทศ ก็ไม่สามารถรักษาได้ ด้านกองทัพไทยรวบรวมหลักฐานกัมพูชาใช้โบราณสถานโจมตีไทย ยันไทยใช้สิทธิป้องกันตนเองได้
.
วันนี้ (11 ธ.ค.) น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมว.วัฒนธรรม กล่าวถึงประเด็นเรื่องโบราณสถานที่ได้รับความเสียหายจากเหตุปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา ว่า ได้มีการหารือร่วมกันระหว่างนายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และนายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากรแล้ว โดยความสำคัญสูงสุดในขณะนี้ คือ การรักษาดินแดนและรักษาประเทศ
.
ในกรณีที่เกิดเหตุสุดวิสัยจริงๆ กับโบราณสถาน กรมศิลปากรมีความพร้อมและศักยภาพที่จะดำเนินการซ่อมแซมได้ทันที แต่หลักการสำคัญคือเราต้องรักษาประเทศของเราไว้ก่อน หากไม่มีประเทศ ก็ไม่สามารถรักษาโบราณสถานไว้ได้
.
ก่อนหน้านี้ เฟซบุ๊กส่วนตัวของนายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร โพสต์ข้อความแฮชแท็ก #ซ่อมได้ #กรมศิลปากร
.
ขณะที่ พล.ร.ต.สุรสันต์ คงศิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการเก็บรวบรวมหลักฐานกรณีที่ฝ่ายกัมพูชาใช้พื้นที่โบราณสถาน เช่น ปราสาทพระวิหาร และปราสาทตาควาย เป็นที่มั่นปฏิบัติการทางทหาร และเมื่อเกิดความเสียหายก็จะอ้างว่าเกิดขึ้นจากฝ่ายไทย ว่าฝ่ายไทยจะต้องเก็บรวบรวมหลักฐานต่างๆ ไว้อย่างแน่นอน ทั้งภาพถ่าย และคลิปวิดีโอต่างๆ ที่ฝ่ายกัมพูชาใช้โบราณสถานเป็นป้อมปืนและฐานปฏิบัติการ ส่วนความชอบธรรมในการปฏิบัติ ต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายอีกครั้งว่าจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร
.
พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ในกรณีนี้ฝ่ายกัมพูชาทำผิดหลักสากล เนื่องจากตามหลักสากลไม่สามารถโจมตีจากปฏิบัติการทางทหารเข้าไปได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อพบว่าใช้บริเวณดังกล่าวเป็นที่ตั้งทางทหาร ที่ตั้งอาวุธยิง ศูนย์บัญชาการ หรือเป็นคลังเก็บสิ่งอุปกรณ์สำคัญ และใช้บริเวณดังกล่าวโจมตีกำลังพลฝ่ายไทย รวมถึงส่งผลกระทบต่อประชาชนไทยด้วย
.
โดยเชื่อมั่นว่าฝ่ายไทยสามารถยึดแนวทางป้องกันตนเองได้ตามหลักสากล และฝ่ายไทยเรียนรู้จากการปะทะที่เกิดขึ้นครั้งก่อน 5 วันแล้วว่าฝ่ายกัมพูชาจะชิงพูดก่อน และบิดเบือนข้อมูลต่อประชาคมโลก ไทยจึงต้องเก็บข้อมูลและหลักฐานต่างๆ หากสามารถยืนยันว่าฝ่ายกัมพูชาโจมตีออกมาจากพื้นที่โบราณสถานจริง การป้องกันตนเองของฝ่ายไทยถือว่าเป็นสิ่งที่ทำได้
......
Sondhi X

