ยูเนสโกแสดงความกังวลต่อเหตุปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา กระทบมมรดกทางวัฒนธรรมในพื้นที่ชายแดน รวมถึงปราสาทพระวิหาร เรียกร้องเร่งด่วนในทุกรูปแบบ ขณะที่เมื่อวานนี้ (10 ธ.ค.) กองทัพภาคที่ 2 รายงานพบกัมพูชาใช้เป็นฐานทหาร ใช้เครนก่อสร้างในพื้นที่เป็นจุดตรวจการณ์
.
วันนี้ (11 ธ.ค.) สำนักข่าวเดอะสเตรทไทมส์ของสิงคโปร์รายงานว่า องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก (UNESCO) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อความขัดแย้งที่ปะทุขึ้นอีกครั้งระหว่างกัมพูชา และไทย โดยเตือนว่าการสู้รบที่ทวีความรุนแรงกำลังคุกคามมรดกทางวัฒนธรรมในพื้นที่ชายแดน รวมถึงปราสาทพระวิหาร ซึ่งถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยเรียกร้องให้มีการปกป้องมรดกทางวัฒนธรรมอย่างเร่งด่วนในทุกรูปแบบ พร้อมย้ำเตือนทุกฝ่ายถึงพันธกรณีภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอนุสัญญากรุงเฮกปี 1954 ว่าด้วยการคุ้มครองทรัพย์สินทางวัฒนธรรมในกรณีความขัดแย้งทางอาวุธ และอนุสัญญามรดกโลกปี 1972
.
ทั้งนี้ ยูเนสโกจะยังคงติดตามสถานการณ์ของมรดกทางวัฒนธรรมในภูมิภาคนี้ต่อไป โดยมีเป้าหมายเพื่อให้มั่นใจว่า แหล่งมรดกโลกเหล่านี้จะได้รับการคุ้มครอง ซึ่งยูเนสโกได้แบ่งปันพิกัดทางภูมิศาสตร์ของแหล่งมรดกโลกและสถานที่สำคัญระดับชาติกับทุกฝ่ายแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น และยืนยันว่าพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือทางเทคนิคเพื่อปกป้องทรัพย์สินทางวัฒนธรรมและดำเนินมาตรการป้องกันฉุกเฉินทันทีที่สถานการณ์เอื้ออำนวย
.
ปราสาทพระวิหารได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกเมื่อวันที่ 7 ก.ค. 2551 ตั้งอยู่ในเทือกเขาดงแร็ก อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหาร ประเทศกัมพูชา ห่างจากเมืองหลวงกรุงพนมเปญประมาณ 400 กิโลเมตร
.
รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า กระทรวงสารสนเทศของกัมพูชา อ้างว่า ปราสาทพระวิหารได้รับความเสียหายอีกครั้งระหว่างการรุกรานของไทยในกัมพูชาเมื่อวันที่ 24-28 ก.ค. 2568 และเมื่อไทยเริ่มการรุกรานครั้งใหม่ตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค. 2568 ปราสาทพระวิหารก็ถูกทหารไทยยิงถล่มอีกครั้งและได้รับความเสียหายอย่างหนักเพิ่มเติม ประเทศไทยได้ยิงและทิ้งระเบิดอย่างไม่เลือกเป้าหมายเพื่อรุกล้ำดินแดนของกัมพูชาตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม 2568 เป็นต้นมา ในขณะที่กัมพูชาได้ใช้สิทธิในการป้องกันตนเองและปกป้องอธิปไตยของชาติด้วยการตอบโต้หลังจากอดทนมานานกว่า 24 ชั่วโมง
.
ก่อนหน้านี้เมื่อวันพุธ (10 ธ.ค.) กองทัพภาคที่ 2 รายงานว่า พื้นที่พระวิหาร ฝ่ายกัมพูชาใช้เครนก่อสร้างในพื้นที่เป็นจุดตรวจการณ์ โดยมีการติดตั้งกล้องและอุปกรณ์ตรวจจับด้วยสัญญาณเรดาห์ ทำให้ในห้วงที่ผ่านมาฝ่ายทหารไทย ได้รับบาดเจ็บ และสูญเสียชีวิต จึงได้ดำเนินการยิงทำลายเครนก่อสร้างดังกล่าว เพื่อทำให้ฝ่ายกัมพูชาสิ้นสภาพขีดความสามารถทางทหาร
.
โดยกองทัพภาคที่ 2 ได้ทำลายเครนบนเขาพระวิหาร หลังตรวจพบว่า ทหารกัมพูชาใช้โบราณสถานเป็นฐานทหาร โดยใช้เป็นที่ติดตั้งแจมเมอร์ หรือแอนตี้โดรน และติดตั้งระบบกล้องวงจรปิดด้วยสัญญาณเรดาร์บนพื้นที่เขาพระวิหาร โดยพบว่ามีระบบ Spoofing GPS ก่อกวนนำร่องด้วยดาวเทียม (GNSS/GPS) ส่งผลให้โดรนและระบบอื่นๆในพื้นที่ของไทยมีปัญหา และมีการใช้กล้องวงจรปิดบันทึกภาพรวมทั้งดูการปฏิบัติของกำลังฝ่ายเราในพื้นที่รอบเขาพระวิหาร รวมทั้งใช้เป็นที่ตั้งยิงของเครื่องยิงระเบิด จำเป็นอย่างยิ่งยวดที่ต้องขจัดภัยคุกคามนี้ให้หมดไป
.
ส่วนพื้นที่ปราสาทตาควาย ฝ่ายกัมพูชามีใช้โดรนพลีชีพ FPV จำนวนมาก และ ชุด ชป.โดรน ฝ่ายไทยถูกโดรนข้าศึกทิ้งระเบิด กำลังพลฝ่ายไทยปลอดภัย ฝ่ายตรงข้ามมีการยิงปืนออกมาจากตัวประสาท ฝ่ายไทยใช้พลซุ่มยิงในการยิงตอบโต้ตามเหตุการณ์ และมีกระสุน BM-21 ตกในพื้นที่ อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ประมาณ 20 นัด
......
Sondhi X

