xs
xsm
sm
md
lg

ทบ.ย้ำไทยมีสิทธิ์โต้กลับตามกติกาสากล ชี้กัมพูชาใช้ “ปราสาทโบราณ” เป็นฐานยิง เปิดฉากโจมตี 2 จุดชายแดนไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ทบ. ยืนยันข้อเท็จจริงตามหลักกติกาสากล กัมพูชาตั้งใจใช้พื้นที่โบราณสถานในการปฏิบัติการทางทหาร เป็นฐานที่มั่นใช้โจมตีไทย ทำให้ไทยจำเป็นต้องตอบโต้ตามความจำเป็น

วันนี้ (11 ธ.ค.) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ระบุถึงกรณี กระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตรศิลป์กัมพูชาได้ออกแถลงการณ์ประณามกองทัพไทย โจมตีในพื้นที่ปราสาทตาควาย และอ้างถึงการโจมตีของฝ่ายไทยสร้างความเสียหายแก่ปราสาทพระวิหารว่า ประเทศไทยยึดมั่นใน อนุสัญญากรุงเฮก ค.ศ. 1954 ว่ากรณีความขัดแย้งทางอาวุธซึ่งกำหนดให้โบราณสถาน ต้องได้รับการคุ้มครอง และห้ามการโจมตีหรือการกระทำใด ๆ ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหาย

ทัังนี้อนุสัญญาฯ มีข้อยกเว้นที่ระบุไว้ชัดเจนหากมีการนำโบราณสถานไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางทหาร เช่น การตั้งฐานที่มั่น การควบคุมการปฏิบัติการ การเป็นจุดซุ่มยิง หรือใช้เป็นพื้นที่เตรียมการโจมตี พื้นที่ดังกล่าวอาจ สูญเสียความคุ้มครองในทางกฎหมายเป็นการชั่วคราว ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการทางทหาร

ดังนั้น เมื่อฝ่ายกัมพูชาตั้งใจใช้อาณาบริเวณโบราณสถานเป็นฐานปฏิบัติการทางทหาร รวมถึงใช้เป็นที่ตั้งระบบตรวจการณ์ และที่ตั้งระบบอาวุธยิงเพื่อใช้โจมตีต่อฝ่ายไทย ทำให้พื้นที่ดังกล่าวจึงเข้าข่าย เป็นพื้นที่ที่ “สูญเสียความคุ้มครองชั่วคราว” ตามอนุสัญญากรุงเฮก ค.ศ. 1954

ซึ่งกรณีพื้นที่ปราสาทตาควาย และ พื้นที่ปราสาทพระวิหาร ถูกฝ่ายกัมพูชานำมาใช้ เพื่อการปฏิบัติการทางทหาร โดยใช้เป็นที่ตั้งระบบอาวุธยิง เป็นคลังเก็บกระสุนวัตถุระเบิด และทุ่นระเบิด สำหรับใช้โจมตีทำร้ายฝ่ายไทย ซึ่งมีหลักฐานเป็นภาพปรากฏให้เห็นอยู่ตามสื่อโซเชี่ยลได้ทั่วไป จึงควรเป็นฝ่ายกัมพูชาเองที่เป็นฝ่ายที่ทำผิดกฎหมายมนุษยธรรม และทำผิดกติกาสากลเอง รวมถึงเป็นฝ่ายที่ไม่เห็นคุณค่าในมรดกทางวัฒนธรรม

ฝ่ายไทยจึงมีสิทธิ์อันชอบธรรมที่จะ ปกป้องภัยคุกคามเหล่านั้นได้ตามความเหมาะสมและได้สัดส่วน ตามหลักกติกาสากล เป็นไปตามความจำเป็นเนื่องจากจากฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้บีบบังคับ
กำลังโหลดความคิดเห็น