ประชุมครั้งแรกคดี“พระคึกฤทธิ”วัดนาป่าพง ยักยอกเงิน 12 ล้าน “วัชรินทร์” ยันไม่มีใครแทรกแซง หลัง“ทนายอนันตชัย”ร้องมีการพยายามวิ่งเต้นคดี ด้าน”บิ๊กเต่า“ย้ำทำคดีตรงไปตรงมาไม่เอียงฝ่ายไหน
วันนี้ (8 ธ.ค.) ที่สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด อาคารถนนบรมราชชนนี (ตลิ่งชัน) นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ อธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน เป็นประธานการประชุมคณะพนักงานอัยการ-พนักงานสอบสวน ปปป.ซึ่งนำโดย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในสำนวนที่มีการร้องให้ดำเนินคดีนอกราชอาณาจักรกับ "พระคึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล ในข้อหายักยอกและฟอกเงิน กรณีถูกกล่าวหาว่าโอนเงินจำนวน 12 ล้านบาทเข้าบัญชีสีกาในประเทศเยอรมนี เเละถูกตรวจสอบเส้นเงินหมุนกว่า 500 ล้านบาท
โดยมีนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ นายวัชรินทร์ อธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวนประเด็นเรื่องมีการเเทรกเเซงคดี
นายอนันต์ชัย กล่าวว่า คดีนี้ตนได้ร้องทุกข์เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2568 เพื่อให้ตรวจสอบ เเละผลปรากฎว่าเส้นเงิน 12 ล้านเศษ จากวัดนาป่าพง จ.ปทุมธานี ไปยังบุคคลหนึ่งและโอนต่อไปยังประเทศเยอรมันในนามสมาคมพุทธวจน ก่อนจะเข้าบัญชีของพระคึกฤทธิ์ ประมาณ 9 ครั้ง จนกระทั่งทางการเยอรมันมีคำสั่งดำเนินคดีกับสีกาที่อยู่ที่เยอรมันในข้อหาฟอกเงิน จนกระทั่งพระคึกฤทธิ์ชี้แจงยอมรับว่า เงินดังกล่าวที่มีการโอนเป็นเงินของวัดนาป่าพงจริง ๆ ที่มาร้องในวันนี้เพราะตนทราบว่าเมื่อสำนวนไปสู่พนักงานสอบสวนปปป.และมาถึงอัยการ มีบุคคแทรกแซงกระบวนการสืบสวนสอบสวน จึงเข้ายื่นหนังสือร้องเรียน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญต่อสถาบันศาสนา และนอกจากเงินก้อนนี้แล้วตนมีข้อมูลใหม่ว่ามีเงินอีกจำนวนกว่า 180 ล้าน และมีการโอนให้พระคณะปกครอง 3 รูป 4.3 ล้านบาท และมีเงินโอนให้พระคึกฤทธิ์อีก 40 กว่าล้านบาท รวมถึงยังมีเงินอีกก้อนกว่า 500 ล้านที่ยังรอการดำเนินการอยู่ จึงอยากเร่งรัดให้ทีมพนักงานสอบสวนและคณะพนักงานอัยการสอบสวน ดำเนินการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด เพราะไม่อยากให้มีการแทรกแซงและทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา โดยพฤติการณ์คือมีผู้พยายามติดต่อพนักงานสอบสวน แต่ทีมพนักงานสอบสวนไม่เล่นด้วย ซึ่งตนยังทราบว่าบุคคลดังกล่าวติดต่อกับทีมอัยการด้วย แต่ตนมั่นใจว่าอัยการก็จะไม่เล่นด้วย เพราะเรื่องนี้เส้นทางการเงินค่อนข้างชัดเจน
นอกจากเงิน 12 ล้านแล้ว เงินส่วนอื่น ๆ ก็มีหลักฐานทั้งหมด ตนจึงเข้ามายื่นในวันนี้ มูลนิธิกองทัพธรรม ไม่เคยทำอะไรที่ไม่มีหลักฐาน อยากฝากไปถึงสาวกของพระคึกฤทธิ์ว่า หากบริสุทธิ์ใจจริงจะต้องให้ตรวจสอบ ถ้าบริสุทธิ์จริงก็จะพ้นข้อกล่าวหา
นายวัชรินทร์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นความผิดนอกราชอาณาจักร ซึ่งทางอัยการสูงสุดรับเป็นคดีนอกราชอาณาจักรแล้ว และให้ผู้การปปป.เป็นพนักงานสอบสวน และมีทีมพนักงานอัยการจากสำนักงานการสอบสวนเข้าร่วมสอบสวนด้วย อัยการสูงสุดพิจารณาแล้วว่าเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากตนรายงานเข้าไปว่าเป็นคดีสำคัญ เรื่องการแทรกแซงตนไม่กลัว เพราะทีมอัยการไม่มีใครแทรกแซงได้ เพราะเราทำงานในรูปแบบคณะทำงาน โดยตนตั้งอัยการสอบสวนเข้าไป 10 คนมี ตนพร้อมรองอธิบดีอัยการสอบสวนช่วยกำกับดูแล และเป็นคดีที่สำคัญทางพุทธศาสนาด้วย เราไม่มีทางปล่อยให้มีใครมาแทรกแซงคดีนี้อย่างแน่นอน การทำคดีนี้เป็นการทำงานร่วมกันของ 2 หน่วยงานคือ ตำรวจปปป.และอัยการ โดยเฉพาะพล.ต.ต.จรูญเกียรติ ที่ทราบกันดีว่าเป็นมือปราบพระ ท่านคงไม่นำเอาชื่อเสียงตนเองมาทำให้เสียหายได้ ทุกคดีจะว่ากันไปตามพยานหลักฐานอย่างตรงไปตรงมา
ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 20 ให้อัยการเข้าไปร่วมสอบด้วยและมีอำนาจออกคำแนะนำต่อการรวบรวมพยานหลักฐานได้ วันนี้เป็นการประชุมนัดแรก เราจะวางระบบการสอบสวนว่าจะทำอย่างไร ในสำนวนที่ส่งมามีการสอบสวนแล้วบางส่วนถือว่าดีในระดับหนึ่ง แต่ก็ต้องมีการสอบสวนต่อไป เพราะทีมงานอัยการก่อนหน้านี้ก็ได้ทำการบ้านกันมาแล้วโดยหาพยานหลักฐาน และจุดที่ต้องสอบสวนเพิ่มเติมอย่างไรต่อไป และคดีจะไม่ช้า เพราะความล่าช้าคือไม่ยุติธรรม เราไม่ได้กลั่นแกล้งใคร และเปิดให้ฟังพยานหลักฐานทุกฝ่าย ถ้าพยานหลักฐานถึงใครก็ต้องดำเนินคดี ถ้าไม่ถึงเราก็ไม่สามารถดำเนินคดีได้ และเท่าที่ทราบตอนนี้ยังไม่มีใครเข้าแทรกแซงอัยการ
ด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวว่า การสอบสวนคดีนี้ขึ้นอยู่กับอัยการตำรวจปปป.เป็นทีมสอบสวนร่วม เรายืนยันว่าการทำคดีของเรา มั่นใจในตัวของนายวัชรินทร์ ว่าจะเดินหน้าทำคดีด้วยความรอบคอบและตรงไปตรงมา คดีนี้เกี่ยวกับสถาบันพุทธศาสนา จะไม่มีการบิดเบือนข้อเท็จจริง แต่ยอมรับว่ามีผู้ประสานงานให้ทำความเข้าใจเรื่องนี้ ซึ่งเราก็เปิดกว้างให้เข้ามาชี้แจง แต่ในเรื่องการตัดสินใจเป็นเรื่องข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ไม่มีใครบิดเบือนคดีนี้ เพราะเป็นรูปแบบของการทำงานร่วมระหว่างอัยการและตำรวจ ส่วนที่นายอนันตชัยร้องเพิ่มเติม เราก็เดินหน้าตรวจสอบอีกส่วนและมีการแจ้งความไปบางส่วนแล้ว และพบข้อเท็จจริงเพิ่มอีกมากพอสมควร ในเรื่องคดีจนมีการเร่งรัดทุกอาทิตย์ ยืนยันว่าไม่มีการเอนเอียงหรือเข้าข้างฝ่ายใด
เมื่อถามว่าเบื้องต้นจะใช้เวลาสรุปสำนวนเท่าไหร่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า กรอบระยะเวลาการทำสำนวนยังระบุไม่ได้เนื่องจากเป็นการประชุมนัดแรก ต้องดูประเด็นที่ทางอัยการระบุว่าต้องดำเนินการส่วนใดบ้าง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับการประชุมคณะทำงานวันนี้มีคณะพนักงานอัยการสำนักงานอัยการสอบสวนและพนักงานสอบสวนปปป.รวมกันประมาณ 20 คน

