xs
xsm
sm
md
lg

เลือกตั้งสภา 'ฮ่องกง' มีคนออกไปใช้สิทธิเกือบน้อยสุดเป็นประวัติการณ์ หลังไฟไหม้อาคารครั้งเลวร้ายคร่า 159 ศพ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



การเลือกตั้งสภานิติบัญญัติฮ่องกงเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (7 ธ.ค.) มีผู้ออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งเกือบจะต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่สุดในรอบเกือบ 80 ปีของฮ่องกงก่อให้เกิดความโกรธแค้นต่อฝ่ายบริหารฮ่องกงที่ได้รับการสนับสนุนจากจีน

มีเพียงผู้สมัครที่รัฐบาลตรวจสอบแล้วว่าเป็น "ผู้รักชาติ" เท่านั้นที่จะสามารถลงสมัครชิงตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติ 90 ที่นั่งของฮ่องกง โดยทางการยังได้ขยายเวลาลงคะแนนเสียงและเปิดหน่วยเลือกตั้งใหม่ เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์กันมากๆ

รัฐบาลฮ่องกงระบุว่า จำนวนผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งสภานิติบัญญัติครั้งนี้อยู่ที่ 31.9% ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับตัวเลข 30.2% ในปี 2021 ซึ่งเป็นจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งต่ำที่สุดนับตั้งแต่อดีตอาณานิคมของอังกฤษแห่งนี้กลับคืนสู่การปกครองของจีนในปี 1997

เหตุเพลิงไหม้ได้เปลี่ยนแปลง "บรรยากาศทางสังคม ทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นเรื่องยากลำบากสำหรับเรา" เดวิด ล็อก ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ระบุในการแถลงข่าวในเช้าวันจันทร์ (8 ธ.ค.)

ทางการได้รักษาความปลอดภัยอย่างเข้มข้นที่เขต Tai Po ทางตอนเหนือใกล้กับชายแดนจีนแผ่นดินใหญ่ หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารที่พักอาศัยพร้อมกัน 7 หลังเมื่อปลายเดือนที่แล้ว

ชาวฮ่องกงจำนวนมากไม่พอใจกับเหตุเพลิงไหม้ที่คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 159 ราย และใช้เวลาเกือบ 2 วันจึงจะดับสนิท หลังจากเพลิงไหม้ปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 26 พ.ย.

เจ้าหน้าที่ระบุว่า วัสดุก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐานที่ใช้ในการปรับปรุงอาคารสูงเหล่านี้คือสาเหตุที่ทำให้เพลิงลุกลามรวดเร็ว

เพื่อบรรเทาความโกรธเกรี้ยวของประชาชน เจ้าหน้าที่ได้เริ่มการสอบสวนคดีอาญาและการทุจริตในเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ และตำรวจประมาณ 100 นายได้ลาดตระเวนพื้นที่รอบอาคาร Wang Fuk Court ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุเพลิงไหม้ตลอดวันอาทิตย์ (7)

หน่วยงานปราบปรามการทุจริตฮ่องกงแถลงเมื่อวันอาทิตย์ (7) ว่า มีชาย 4 คนถูกจับกุมในข้อหาใช้โซเชียลมีเดียยุยงปลุกปั่นให้ประชาชนไม่ไปลงคะแนนเสียงหรือกาบัตรเลือกตั้งอย่างไม่ถูกต้อง และยังได้รับหมายจับชายอีกคนหนึ่งจากโพสต์บนโซเชียลมีเดียเมื่อวันเสาร์ (6)

การยุยงปลุกปั่นประชาชนให้คว่ำบาตรการเลือกตั้งถือเป็นความผิดทางอาญา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่บีบให้เสียงสนับสนุนประชาธิปไตยในฮ่องกงหายไป ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่สนับสนุนประชาธิปไตย ซึ่งโดยปกติแล้วมีสัดส่วนประมาณ 60% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด ได้เพิกเฉยต่อการเลือกตั้งตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ก่อนเวลาเที่ยงคืนไม่นานนัก เจ้าหน้าที่ได้เริ่มเก็บดอกไม้และของถวายอื่นๆ จากอนุสรณ์สถานใกล้ๆ กับโครงการที่ถูกไฟไหม้ ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่ประกาศไว้ล่วงหน้า และสะท้อนให้เห็นถึงความกังวลของรัฐบาลต่อความโกรธแค้นของประชาชน

สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของปักกิ่งในฮ่องกงยืนยันจะปราบปรามการประท้วง "ต่อต้านจีน" ใดๆ ที่เกิดขึ้นตามหลังเหตุเพลิงไหม้ และเตือนไม่ให้บุคคลใดฉวยโอกาสใช้ภัยพิบัติครั้งนี้เพื่อ "ก่อกวนฮ่องกง"

สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของจีนในฮ่องกงยังได้เตือนบรรณาธิการอาวุโสและสื่อต่างประเทศหลายสำนักในการประชุมที่ฮ่องกงเมื่อวันเสาร์ (6) ว่า อย่าเผยแพร่ "ข้อมูลเท็จ" หรือ "ใส่ร้ายป้ายสี" ความพยายามของรัฐบาลในการจัดการกับเหตุเพลิงไหม้

เหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ถือเป็นบททดสอบสำคัญต่ออำนาจปกครองของจีนเหนืออดีตเกาะอาณานิคมอังกฤษ ซึ่งจีนได้สร้างความเปลี่ยนแปลงด้วยการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ หลังเกิดการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยครั้งใหญ่เมื่อปี 2019 โดยปัจจุบันเหลือที่นั่งในสภานิติบัญญัติฮ่องกงเพียง 20 ที่นั่งเท่านั้นที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรง

เฉิง วัย 70 ปลายๆ ซึ่งอาศัยอยู่ใกล้กับอาคารที่ถูกไฟไหม้ กล่าวว่าเขาไม่ได้ไปลงคะแนนเสียง

"ผมเสียใจมากกับเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่" เขากล่าว โดยปฏิเสธที่จะเปิดเผยชื่อเต็ม เพราะกลัวว่าจะกลายเป็นเป้าหมายของทางการ

"ผมจะไม่ลงคะแนนเพื่อสนับสนุนนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลที่ทำให้เราผิดหวัง"

จำนวนผู้ลงทะเบียนเลือกตั้งในวันอาทิตย์ (7) ที่ 4.13 ล้านคน ลดลงเป็นปีที่ 4 ติดต่อกันนับตั้งแต่ปี 2021 ซึ่งมีผู้ลงทะเบียนสูงสุดที่ 4.47 ล้านคน

นักวิเคราะห์บางคนคาดการณ์ว่า จำนวนผู้มาใช้สิทธิ์อาจจะน้อยยิ่งกว่านี้อีก เนื่องจากบรรยากาศที่หม่นหมองของเมือง ขณะที่เจ้าหน้าที่ทั้งฮ่องกงและจีนต่างพยายามกระตุ้นเตือนประชาชนให้ตระหนักถึงความสำคัญของการเลือกตั้ง

ที่มา: รอยเตอร์




กำลังโหลดความคิดเห็น