“นรินทร์”ผู้ว่ากฟผ.คนใหม่ ชูบทบาทกฟผ.เป็นผู้ดูแลความมั่นคงระบบไฟฟ้าและผู้นำการเปลี่ยนผ่านพลังงานให้สามารถแข่งขันได้ในระยะยาวและยั่งยืน อัดงบลงทุนปี69 ราว 2.2หมื่นล้านบาทเน้นขยายระบบสายส่ง แย้มเตรียมเปิดประมูลจัดหา LNG ระยะยาว10-15ปีจำนวน 1 ล้านตันในปีหน้า มั่นใจได้LNGราคาถูก กดค่าไฟฟ้าลง ชี้โครงการเร่งด่วนปรับปรุงระบบสายส่งเพื่อจ่ายไฟฟ้าเพิ่ม 1,750เมกะวัตต์ป้อนในกลุ่มData Centerในพื้นที่EEC
นายนรินทร์ เผ่าวณิช ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)คนใหม่ เปิดเผยทิศทางการดำเนินงานของกฟผ.หลังจากได้เข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการ กฟผ.คนที่ 17ว่า ตนอยากให้กฟผ.เป็นมากกว่าผู้ผลิตไฟฟ้าเพื่อความมั่นคงของประเทศ เนื่องจากทิศทางพลังงานโลกมีความต้องการใช้พลังงานหมุนเวียนมากขึ้น และการปรับเป้าหมาย Net Zeroของไทยเร็วขึ้นเป็นปีค.ศ.2050 ทำให้กฟผ.ต้องปรับบทบาทไปสู่การดูแลความมั่นคงระบบไฟฟ้าและเป็นผู้นำการเปลี่ยนผ่านพลังงานด้วยพลังงานสะอาด เทคโนโลยีอัจฉริยะ ภายใต้การบริหารงานแบบมืออาชีพเพื่อให้สามารถแข่งขันในระยะยาวและเติบโตอย่างยั่งยืน
โดยในปี2569 งบประมาณลงทุน ของกฟผ.อยู่ที่ 22,000ล้านบาท เพื่อใช้โครงการขยายระบบส่งไฟฟ้าประมาณ 10,000 กว่าล้านบาท โรงไฟฟ้าใหม่เบิกจ่าย 1,300ล้านบาท และงบที่เหลือใช้ในการปรับปรุงโรงไฟฟ้าและซ่อมบำรุง โดยปีหน้าส่วนใหญ่เน้นการขยายระบบส่งเพื่อรองรับธุรกิจ Data Center ที่จะเข้ามาลงทุนในเขตพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)
ซึ่งเมื่อเร็วๆนี้ กพช. เห็นชอบหลักการแก้ไขพระราชกฤษฎีกากำหนดผู้ใช้พลังงานไฟฟ้า พ.ศ. 2512 โดยเพิ่มกลุ่มผู้ใช้พลังงานไฟฟ้าประเภท Data Center ตั้งแต่ 200 เมกะวัตต์ขึ้นไป ให้สามารถเป็นลูกค้าตรง (Direct Customer) กฟผ.ได้ นับเป็นทางเลือกให้ธุรกิจ Data Center กฟผ.ไม่ใช่คู่แข่งกับการไฟฟ้าจำหน่ายแต่อย่างใด ซึ่งไฟฟ้าที่กฟผ.จำหน่ายให้กลุ่มData Center มาจากสถานีไฟฟ้าของกฟผ. ซึ่งช่วงแรกยังไม่ใช่ไฟฟ้าสีเขียวเพราะData Center เน้นไฟฟ้าเสถียร แต่จากนั้น 3-4ปีเปลี่ยนไปเป็นไฟฟ้าสีเขียว โดยระยะเร่งด่วน กฟผ.จะปรับปรุงระบบสายส่งกฟผ.ให้สามารถจ่ายไฟให้กลุ่มData Centerได้เพิ่มขึ้นราว 1,750เมกะวัตต์ในปลายปีหน้า โดยช่วงเร่งด่วนใช้เงินไม่มากราว 3,000ล้านบาทแต่ระยะถัดไปจะเพิ่มเป็น 35,000ล้านบาทเพื่อรองรับกลุ่ม Data Centerที่เข้ามาเพิ่มทำให้ต้องการใช้ไฟฟ้า 3,800เมกะวัตต์ คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี2580
นายนรินทร์ กล่าวว่าการดูแลค่าไฟฟ้าในปัจจุบันของกฟผ. เน้นบริหารต้นทุนค่าเชื้อเพลิงให้ต่ำที่สุด เพื่อให้ประชาชนใช้ไฟฟ้าในราคาเหมาะสม โดยกฟผ.มีแผนจัดหาก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี)ระยะยาว 10-15ปี จำนวน 1 ล้านตันต่อปี ขณะนี้มีผู้สนใจมากกว่า 20 ราย คาดว่าจะเปิดประกวดราคาภายในปี 2569 มั่นใจว่าจะสามารถจัดหาราคาแอลเอ็นจีต้นทุนต่ำกว่าราคามาตรฐานที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กำหนดไว้ ซึ่งที่ผ่านมา กฟผ.มีการนำเข้าแอลเอ็นจีระยะสั้นได้ในราคาต่ำกว่าราคามาตรฐาน โดยปีหน้าแนวโน้มราคาแอลเอ็นจีจะไม่สูงเฉลี่ย 11-12 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู
นอกจากนี้ กฟผ.พร้อมยืดอายุโรงไฟฟ้าที่มีต้นทุนต่ำ อาทิ โรงไฟฟ้าแม่เมาะ โรงไฟฟ้าน้ำพอง พร้อมแสวงหาโอกาสต่อยอดธุรกิจแอลเอ็นจี โดยล่าสุดบริษัท พีอี แอลเอ็นจี จำกัดซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง กฟผ. กับบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) ได้รับอนุมัติการลงทุนติดตั้งอุปกรณ์ Topside สูบถ่ายแอลเอ็นจี จากเรือขนส่งเข้าสู่สถานีแอลเอ็นจี ที่ท่าเทียบเรือที่ 2 ของสถานีแอลเอ็นจี มาบตาพุด แห่งที่ 2 จ.ระยอง
นายนรินทร์ กล่าวเพื่อให้ไทยบรรลุเป้าหมายNet Zero ปีค.ศ.2050 กฟผ.เร่งผลักดันโครงการโซลาร์เซลล์ลอยน้ำในเขื่อนภูมิพล จ.ตาก เขื่อนศรีนครินทร์และเขื่อนวชิราลงกรณ จ.กาญจนบุรี รวมกำลังการผลิต 1,638 เมกะวัตต์ โดยตั้งเป้าหมายลดอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อการผลิตไฟฟ้า 1 หน่วย ในอัตราขั้นต่ำ 20% ภายในปี 2571
นอกจากนี้ ยังศึกษาความเป็นไปได้ในการปรับปรุงระบบเชื้อเพลิงผสมไฮโดรเจน ของไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมรวมทั้งสิ้น 6 โรงไฟฟ้า ตั้งเป้าหมายการนำไฮโดรเจนมาเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าร่วมกับก๊าซธรรมชาติในสัดส่วน 5% ได้แก่โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ โรงไฟฟ้าพระนครใต้ โรงไฟฟ้าวังน้อย โรงไฟฟ้าบางปะกง โรงไฟฟ้าน้ำพอง และโรงไฟฟ้าจะนะ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการรายงานผลการศึกษา ข้อจำกัดของโรงไฟฟ้าต่อคณะกรรมการ กฟผ. การศึกษาและพัฒนาการผลิตเชื้อเพลิงไฮโดรเจนและแอมโมเนียบนพื้นพื้นที่ศักยภาพ
ขณะเดียวกัน ยังผลักดันโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก(SMR) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่ตอบโจทย์ความมั่นคงของระบบไฟฟ้าพลังงานสะอาด มีต้นทุนที่แข่งขันได้สอดรับกับความต้องการของนักลงทุน
ส่วนภาระหนี้ที่กฟผ.แบกรับในการพยุงค่าไฟฟ้า ล่าสุดเหลือหนี้อยู่ 4 หมื่นล้านบาทจากเดิมเคยสูงถึงกว่า 1.5แสนล้านบาทนั้น คาดว่ากฟผ.จะทยอยได้รับการคืนหนี้ทั้งหมดภายในปี 2570 แม้ว่าจะต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยจ่าย แต่ช่วยให้ประชาชนได้ใช้ไฟฟ้าในราคาถูก

