คาดหมายว่าเศรษฐกิจกัมพูชาจะเติบโต 5.2% ในปี 2025 ลดลงจากระดับ 6.3 ตามที่ประมาณการคราวก่อน สืบเนื่องจากมาตรการรีดภาษีของสหรัฐฯและความตึงเครียดตามแนวชายแดนติดกับไทย จากการยอมรับของนายอุน พรมนนิโรธ รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจและการคลังของกัมพูชา
เว็บไซต์ข่าวขแมร์ไทม์ส รายงานในวันพฤหัสบดี(4 ธ.ค.) ว่าระหว่างอภิปรายกฎหมายงบประมาณประจำปี 2026 เมื่อวันศุกร์(28พ.ย.) นายอุน บอกกับรัฐสภา ประมาณการว่าเศรษฐกิจของประเทศจะเติบโต 5.2% ในปีนี้ และจะชะลอตัวลงอีกเหลือ 5% ในปี 2026 "การชะลอตัวลงเล็กน้อย สืบเนื่องผลกระทบจากมาตรการรีดภาษีตอบโต้ของอเมริกาที่กำหนดกับสินค้าส่งออกของกัมพูชา และการปิดชายแดนทางบกที่ยืดเยื้อระหว่างกัมพูชาและไทย"
อย่างไรก็ตาม เขาอ้างว่า "โดยรวมแล้ว กัมพูชายังอยู่ในแนวโน้มการเติบโตที่ดี ได้รับแรงหนุนจากภาคส่วนต่างๆที่มุ่งเน้นการสางออก ประกอบกับแนวโน้มที่ดีต่อเนื่องจากการบริโภคภายในประเทศและแนวโน้มการสนับสนุนและใช้ผลิตภัณฑ์ภายในประเทศ"
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา สหรัฐฯกำหนดเพดานภาษี 19% สำหรับสินค้าทั้งหมดที่นำเข้าจากกัมพูชา
นายอุน ที่นั่งควบเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรีอีกตำแหน่ง บอกว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) ของกัมพูชา คาดหมายว่าจะแตะระดับ 53,800 ล้านดอลลาร์(ราว 1.7 ล้านล้านบาท) ขณะที่จีดีพีต่อหัว คาดหมายว่าจะเพิ่มเป็น 3,020 ดอลลาร์ในปีหน้า
ทั้งนี้เขาประมาณการต่อว่าเงินเฟ้อของประเทศที่จะยังอยู่ที่ 2.8% ในปี 2026 จากความคาดหมายที่ว่าราคาสินค้าโภคภัณฑ์ระหว่างประเทศ ส่วนใหญ่คือราคาเชื้อเพลิง จะทรงตัว และคาดหมายถึงแนวโน้มในทางบวกของการบริโภคและการใช้จ่ายภายในประเทศ
เศรษฐกิจของกัมพูชาพึ่งพาการส่งออกเสื้อผ้า รองเท้าและสินค้าสำหรับการเดินทาง เป็นส่วนใหญ่ เช่นเดียวกับการท่องเที่ยว เกษตรกรรม อสังหาริมทรัยพ์และการก่อสร้าง ตามคำกล่าวอ้างของขแมร์ไทม์ส
Kin Phea ผู้อำนวยการทั่วไปของสถาบันความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแห่งกัมพูชา กล่าวว่าในการตอบสนองต่อภาวะชะลอตัวอันเนื่องจากมาตรการรีดภาษีของสหรัฐฯและความตึงเครียดด้านชายแดน กัมพูชาควรกระจายความเสี่ยงแก่ตลาดของตนเอง ขยายฐานอุตสาหกรรมให้กว้างขึ้น และลดการพึ่งพิงคู่หูการค้าเดี่ยวๆหรืออุตสาหกรรมหนึ่งใดแต่เพียงอย่างเดียว
Phea บอก่าเพื่อรักษาแนวโน้มการเติบโต กัมพูชาควรให้ความสำคัญลำดับต้นๆกับภาคยุทธศาสตร์ต่างๆ อย่างเช่นเทคโนโลยีการเกษตร, พลังงานหมุนเวียน, โลจิสติกส์, บริการดิจิทัล และการผลิตที่เพิ่มมูลค่า
(ที่มา : ขแมร์ไทม์ส)

