xs
xsm
sm
md
lg

แบงก์ชาติจีนเปิดศึก ‘กวาดล้างคริปโตฯ’ รอบใหม่ เล็งเป้าเชือด Stablecoins สกัดท่อน้ำเลี้ยงอาชญากรรม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ธนาคารกลางจีน (PBOC) เปิดฉากกระชับพื้นที่ครั้งใหญ่ ผนึกกำลัง 12 หน่วยงานรัฐ ประกาศกร้าวเดินหน้าปราบปรามการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างไม่ลดละ หลังตรวจพบสัญญาณชีพจรการเก็งกำไรเริ่มกลับมาเต้นแรงอีกครั้ง ระบุชัด “Stablecoins” คือภัยคุกคามใหม่ที่เป็นช่องโหว่ฟอกเงินและอาชญากรรมข้ามชาติ สั่งยกระดับการสอดส่องเข้มข้น ตัดวงจรเงินผิดกฎหมาย พร้อมส่งสัญญาณแทรกแซงฮ่องกง ห้ามล้ำเส้นความมั่นคงทางการเงิน

ปักกิ่งสั่งลุย ปราบปราม “ผีพนัน” ที่ฟื้นคืนชีพ

ธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้ออกแถลงการณ์ด่วนเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ภายหลังการประชุมร่วมระดับสูงกับหน่วยงานภาครัฐและผู้บังคับใช้กฎหมายรวม 13 แห่ง โดยส่งสัญญาณเตือนภัยระดับสีแดงว่า “การเก็งกำไรในสกุลเงินเสมือนจริงได้ผุดขึ้นมาอีกครั้ง” (Resurfaced) ซึ่งถือเป็นความท้าทายระลอกใหม่ต่อมาตรการควบคุมความเสี่ยงทางการเงินของชาติ

แถลงการณ์ระบุด้วยถ้อยคำที่เด็ดขาดตามสไตล์พญามังกรว่า “สกุลเงินเสมือน (Virtual Currencies) ไม่มีสถานะทางกฎหมายเทียบเท่ากับเงินตราที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย (Fiat Currencies) ดังนั้นจึงไม่ควรและไม่สามารถนำมาใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนในตลาดได้ซึ่งกิจกรรมทางธุรกิจใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินเสมือน ถือเป็นกิจกรรมทางการเงินที่ผิดกฎหมาย”

การออกมาเคลื่อนไหวครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำจุดยืนเดิมนับตั้งแต่ปี 2564 ที่จีนได้สั่งแบนการขุดและการซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีอย่างสิ้นเชิง โดยอ้างเหตุผลเรื่องการปราบปรามอาชญากรรมและการปกป้องเสถียรภาพของระบบการเงิน

ล็อกเป้า “Stablecoins” ภัยเงียบที่ต้องกำจัด

ประเด็นที่น่าจับตามองเป็นพิเศษในการแถลงครั้งนี้ คือการที่ธนาคารกลางจีนได้ “ปักหมุด” ไปที่ Stablecoins (เหรียญคริปโทฯ ที่มูลค่าคงที่) ว่าเป็นความกังวลลำดับต้น ๆ โดยชี้ว่าโทเคนเหล่านี้ไม่ได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมาย และกำลังถูกใช้เป็นเครื่องมือของอาชญากร

“Stablecoins เป็นรูปแบบหนึ่งของสกุลเงินเสมือน ซึ่งในปัจจุบันไม่สามารถตอบโจทย์ข้อกำหนดด้านการยืนยันตัวตนลูกค้า (KYC) และการป้องกันการฟอกเงิน (AML) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งนี้ก่อให้เกิดความเสี่ยงสูงที่จะถูกนำไปใช้ในกิจกรรมผิดกฎหมาย เช่น การฟอกเงิน การระดมทุนฉ้อโกง และการโอนเงินข้ามพรมแดนอย่างผิดกฎหมาย” แบงก์ชาติจีนระบุ

ด้วยเหตุนี้ ทางการจีนจึงประกาศว่าจะ “ปราบปรามอย่างต่อเนื่องและถึงที่สุด” ต่อกิจกรรมทางการเงินนอกระบบเหล่านี้ เพื่อรักษาเสถียรภาพและความสงบเรียบร้อยทางเศรษฐกิจ

แบงก์ชาติจีน
ยุทธการปูพรมบูรณาการ 13 หน่วยงานไล่ล่า

ผลจากการประชุมร่วม 13 หน่วยงาน นำไปสู่ข้อตกลงในการ “กระชับความร่วมมือ” (Deepen coordination) เพื่อติดตามและไล่ล่าผู้ใช้งานคริปโทฯ โดยจะมีการเสริมสร้างระบบการแบ่งปันข้อมูลข่าวสาร (Information Sharing) และยกระดับขีดความสามารถในการสอดส่องดูแล (Monitoring Capabilities) ให้เข้มข้นยิ่งขึ้น

ย้อนแย้ง? แบนแต่ยังขุด-ฮ่องกงสะดุดตอ

แม้ทางการจะประกาศแบนอย่างแข็งกร้าว แต่ข้อมูลจาก Reuters เมื่อวันพุธที่ผ่านมากลับเผยให้เห็นความย้อนแย้งที่น่าสนใจ โดยระบุว่าจีนยังคงครองส่วนแบ่งตลาดการขุดบิทคอยน์ Bitcoin (Mining) สูงเป็นอันดับ 3 ของโลกโดยมีส่วนแบ่งตลาดแตะระดับ 14% ณ สิ้นเดือนตุลาคม ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ากิจกรรมใต้ดินยังคงดำเนินอยู่อย่างคึกคัก

นอกจากนี้แรงกดดันจากแผ่นดินใหญ่ยังส่งผลกระทบชิ่งไปยัง “ฮ่องกง” ซึ่งพยายามวางตัวเป็นศูนย์กลางสินทรัพย์ดิจิทัล โดยแม้ฮ่องกงจะเริ่มเปิดรับการออกใบอนุญาตให้ผู้ออก Stablecoin ในเดือนกรกฎาคม แต่รายงานข่าวระบุว่า บริษัทเทคโนโลยีบางแห่งจำต้อง “ระงับแผนการ” หลังจากหน่วยงานกำกับดูแลของจีนแผ่นดินใหญ่ได้เข้ามาแทรกแซงและสั่งเบรก โดยอ้างความกังวลว่า Stablecoins อาจถูกใช้เป็นช่องทางในการฟอกเงินหรือขนเงินออกนอกประเทศ ซึ่งขัดต่อนโยบายควบคุมเงินทุน (Capital Control) อันเข้มงวดของจีน