ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ หาดใหญ่ไม่ทน ล่าชื่อไล่ "นายกแป้น" ไหนๆ ก็ไหนๆ..น่าเพิ่ม "เสี่ยหนู" ไปอีกคน
หลังมหาอุทกภัยหาดใหญ่ผ่านไป น้ำลดแล้ว แต่การฟื้นฟูและเยียวยายังเป็นไปด้วยความล้าช้ามะงุมมะงาหราของรัฐบาลอนุทิน
ภาพที่เห็นคือ เจ้าหน้าที่เทศบาลหาดใหญ่กำลังเคลียร์ขยะนับแสนตันที่กองท่วมเมืองเหมือนภาพหลังวันสิ้นโลก
ว่ากันว่า วันต่อวันทำได้หมื่นตัน ยังต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 7 วัน กว่าจะโล่ง
เรียกได้ว่า รัฐบาลบริหารช่วงวิกฤตอย่างไร ก็ยังดูเบาหลังน้ำลดฉันนั้น แทนที่จะระดมสรรพกำลัง ช่วยเหลือประชาชน ยังปล่อยให้ "หน้างาน" ทำงาน "รูทีน" เหมือนเดิม
ส่วนสุขภาพอนามัย ฟังว่าในเมืองตอนนี้…น้ำประปายังไหลบ้าง ไม่ไหลบ้าง ไฟฟ้ามีใช้เป็นหย่อมๆ แบบนี้ความหวังของประชาชนที่จะกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติ คงต้องรออีกนานแค่ไหน ?
แต่ที่เป็นข่าวให้น่าดีใจสำหรับชาวหาดใหญ่ตอนนี้ ฟังว่า มีคนเคลื่อนไหวล่ารายชื่อไล่ “นายกแป้น” ณรงค์พร ณ พัทลุง นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ กันแล้ว
ชาวหาดใหญ่หงุดหงิด และเจ็บช้ำใจ เพราะเจอทั้งน้ำ เจอทั้งความช้า ไม่ว่าจะก่อนหน้าที่ "นายกแป้น" บอกเอาอยู่ และ หลังน้ำท่วมการบริหารจัดการก็ยังไม่กระเตื้อง
ชาวหาดใหญ่วันนี้ สาบส่งการเมืองท้องถิ่น และเผลอๆ จะสาบส่งการเมือง, นักการเมืองระดับชาติไปด้วย โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย และ"เสี่ยหนู" นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและรมว.มหาดไทย
ว่ากันว่า อาการของ “นายกแป้น”ว่าหนักแล้ว “นายกหนู” ก็หนักไม่แพ้กัน
เห็นได้จากช่วงที่นายกฯอนุทินลงพื้นที่ มีประชาชนต่อว่าซึ่งๆหน้า หลายต่อหลายกรณี
นายกฯที่เอาแต่ถามประชาชนว่า "กินข้าวหรือยัง" เหมือนจะไม่รู้สึกถึงความเดือดร้อนของประชาชน นอกจากเอาแต่ถามสารทุกข์สุกดิบ แบบผิดที่ผิดเวลา
ฟังว่า นายกฯอนุทิน พร้อมคณะ ลงพื้นที่หาดใหญ่เมื่อวาน มี นายกแป้น และผู้ว่าฯสงขลา มาร่วมต้อนรับ
ภาพที่เห็นคือ คณะยังนั่งรถยกสูง สำรวจกองขยะ เฟอร์นิเจอร์พัง ของใช้ลอยน้ำ ที่สองข้างถนนเต็มไปด้วยร่องรอยความเสียหาย
แน่นอนบางช่วงบางตอนของการพบประชาชน “อนุทิน” ได้สอบถามถึงความเสียหาย พร้อมทั้งให้กำลังใจ และ บอกถึงมาตรการเงินกู้ 100,000 บาท ดอกเบี้ย 0 % 6 เดือน - 1 ปี
พร้อมกันนี้ นายกฯถามประชาชนทุกคนที่ขับรถผ่านว่า “ทานข้าวแล้วหรือยัง”
โดยชาวบ้านตอบกลับ “อนุทิน”ว่า ให้เร่งอนุมัติเงินเยียวยา 9,000 บาทเร็วๆ จะดีกว่า ซึ่งมีรายงานว่า นายกฯได้ตอบสั้นๆ ว่า สัปดาห์หน้า โดยให้ไปลงทะเบียนรับเงินเยียวยา และจะมีเงินกู้ดอกเบี้ย 0 %
ว่ากันว่า คนหาดใหญ่ก็ยังไม่พอใจกับความล่าช้าของรัฐบาล และมาตรการเยียวยาที่แทบไม่ได้ช่วยอะไร
ต้องไม่ลืมว่า น้ำท่วมหาดใหญ่ครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นครั้งที่ประชาชนเดือดร้อนแสนสาหัส คนเจ็บ คนล้ม หลายร้อยหลังคาเรือน
ยอดผู้เสียชีวิตล่าสุด 134 ราย
แต่สิ่งที่รัฐบาลหยิบยื่นมีแค่เงินเยียวยา 9,000 บาท + เปิดให้กู้ ที่ไม่พอแม้แต่ซ่อมแซมบ้านเรือน อย่าว่าแต่ตั้งต้นทำมาหากินสู้ชีวิตกันอีกครั้ง
เมื่อไหร่นายกฯ จะถามประชาชนว่า “กินข้าวหรือยัง?” แล้วจริงจัง จริงใจ ทำงานเพื่อให้ผ่านช่วงวิกฤตออกไปให้เร็วที่สุด
“นายกฯแป้น” ทำงานเป็นอย่างไร คนพื้นที่รู้กันดี และตอนนี้คนทั่วประเทศก็รู้กันดีว่า “นายกฯอนุทิน”ทำงานแก้ปัญหาของประเทศ แก้วิกฤติหาดใหญ่เป็นอย่างไร
คนหาดใหญ่คันไม้คันมือ ล่าชื่อไล่ “นายกแป้น” ออก ไหนๆ จะล่าแล้ว…ในเมื่อการบริหารบนลงล่างสะเปะสะปะพอกัน แล้วทำไมต้องไล่แค่นายกฯแป้น คนเดียว? เพิ่ม “นายกหนู” เข้าไปด้วยดีมั้ย ?.
งานนี้น้ำลดแล้ว แต่ประชาชนยังต้องอดทนกับความไม่เอาอ่าวของสองนายกฯ "แป้น-หนู"
จัดพร้อมกันเป็นเซ็ตคู่ไปเล้ย!.
++ การเมืองเปลี่ยน!! หลังรัฐบาลอนุทินล้มเหลว แก้ปัญหาน้ำท่วมใต้
หลัง “อนุทิน ชาญวีรกูล” ได้เป็น นายกรัฐมนตรี ตามที่พรรคประชาชนจัดให้ ภายใต้เงื่อนไขว่า รัฐบาลต้องแก้รัฐธรรมนูญ และยุบสภาภายใน 4 เดือน
“อนุทิน” รีบจัดการดึงงบกลางของปี 68 ที่มีไว้ใช้ในยามจำเป็นฉุกเฉิน มาซื้อคะแนนนิยม ภายใต้นโยบาย “คนละครึ่งพลัส” จากนั้นทำการโยกย้ายข้าราชการขนานใหญ่ โดยเฉพาะผู้ว่าราชการจังหวัด และข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย เพื่อเอื้อต่อการเลือกตั้ง
ตามาด้วยการดูดนักการเมืองบ้านใหญ่ มุ้งการเมืองต่างๆ มาเข้าสังกัด สร้างภาพขั้วอำนาจที่นักการเมืองต้องวิ่งเข้าหา รวมทั้งเตรียมทำโครงการคนละครึ่งพลัส เฟส 2 แจกเงินอีกระลอก ก่อนแพลนว่าจะยุบสภา ในวันที่ 12 ธันวาคม 2568 เพื่อเลือกตั้งใหม่ หวังกลับมาเป็นรัฐบาลอีกรอบ เพราะมั่นใจว่ากำลังได้เปรียบ
แต่คนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต เมื่อเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่ภาคใต้ โดยเฉพาะที่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ประชาชนเสียชีวิตเกิน 100 สภาพจิตใจ ทรัพย์สิน บ้านเรือน ธุรกิจการค้า พื้นที่การเกษตร เสียหายเกินประเมิน บางคน บางครอบครัว ต้องสิ้นเนื้อประดาตัว
ความล้มเหลวงในการรับมือกับภัยธรรมชาติ และแก้ปัญหาครั้งนี้ คนทั้งประเทศเห็น และรับรู้ว่า“รัฐบาลล้มเหลว” ในการบริหารจัดการภาวะวิกฤตครั้งนี้
“นายกฯอนุทิน” ไม่มีภาวะความเป็นผู้นำในยามที่ประชาชนต้องการที่พึ่ง ไม่กล้าตัดสินใจ ประวิงเวลา โยนงานที่ตนเองควรเป็นผู้บัญชาการ ในฐานะนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ไปให้คนอื่นรับผิดชอบแทน ตัวเองคิดถึงแต่ภาพลักษณ์ คะแนนนิม ไปผัดข้าวผัดโชว์ เลยไม่รู้ว่าใครคือตัวจริง ที่มีอำนาจในการตัดสินใจ จึงถูกคนทั้งประเทศก่นด่า สาปส่ง
เมื่อรับมือไม่ทัน น้ำทะลักท่วมแทบมิดหลังคา แทนที่ “อนุทิน” จะออกมาขอโทษประชาชน ที่ประเมินสถานการณ์ผิดพลาด ดำเนินการล่าช้า
กลับส่งโฆษกรัฐบาล อย่าง “สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ” ออกมาตอบโต้ แก้ตัวว่า รัฐบาลไม่ได้ช้า แถมโบ้ยว่า เป็นเพราะประชาชนไม่ยอมอพยพเอง...เป็นเพราะน้ำมาเร็วเกินที่จะควบคุมแก้ไขได้ทัน หรืออ้างว่าที่มีเรื่องร้ายๆ ที่เห็นกันในโซเชียลฯ นั้น เป็นเพราะมีคนโพสต์เฟกนิวส์ ต้องการใส่ร้ายรัฐบาล!
โยนความผิดไปให้ประชาชนว่าเป็นคนประมาทเอง
ที่หนักไปกว่านั้นคือ “ภราดร ปริศนานันทกุล” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย ที่มีหน้าที่คอยให้ข่าว รายงานสถานการณ์ ก็เลี่ยงตอบคำถามสื่อ ทำกิริยา ชักสีหน้า ปิดไมค์ ลุกขึ้นเดินหนี หลังนักข่าวถามว่า “รัฐบาลยอมรับได้หรือไม่ว่า บริหารจัดการน้ำล้มเหลว จนทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่”
นี่หรือ “วุฒิภาวะ”ของคนที่บอกว่าเป็นตัวแทนประชาชน เป็นรัฐมนตรี และเป็นผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจที่ตั้งขึ้นมาเพื่อสื่อสารกับประชาชนในช่วง “วิกฤตอุทกภัย” แต่กลับควบคุมอารมณ์ไม่ได้ เมื่อถูกถามจี้จุดความจริง
เมื่อภาพการบัญชาการเละ การสื่อสารพัง ความช่วยเหลือล่าช้า ต่อให้มาเยียวยาหลังน้ำลดก็ไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น จึงเกิดภาพลบกับพรรคภูมิใจไทย ชนิดที่ว่า คะแนนนิยมที่วางแผนสร้างมาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ได้ละลาย ไหลไปกับสายน้ำทันที
และไม่ใช่แค่การสูญเสียคะแนนเสียงในภาคใต้ที่ พรรคภูมิใจไทยตั้งเป้าว่า จะได้ส.ส.เขต 30 ที่นั่งจากพื้นที่นี้ แต่เชื่อว่ามันจะลุกลามไปภาคอื่นๆ ด้วย เพราะประชาชนได้เห็นกับตาแล้วว่า “รัฐบาลอนุทิน ไม่มีน้ำยา” ศักยภาพในการบริหารประเทศ ต่ำกว่าที่ประชาชนคาดหวัง!
สำหรับการเลือกตั้งใน จ.สงขลาครั้งนี้ “พิพัฒน์ รัชกิจประการ” รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม ในฐานะ “หัวหน้ามุ้งใหญ่” ในภาคใต้ ของพรรคภูมิใจไทย หมายมั่นว่า จะปักธงได้หลายเขต หลังจาก ดูด “นิพนธ์ บุญญามณี” อดีต สส.ประชาธิปัตย์ หนึ่งในบ้านใหญ่สงขลา และลูกทีมมาได้
พรรคภูมิใจไทย วางตัวผู้สมัครไว้เกือบครบแล้ว เช่น “นิพนธ์ บุญญามณี” เขต 1 , “สรรเพชญ บุญญามณี” เขต 2, “ศาสตรา ศรีปาน” เขต 3, “สมยศ พลายด้วง” เขต 4, “โยธิน ทองเนื้อแข็ง” เขต 5, “ณัฎฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ” เขต 7 “ฆอซาลี ดุสะเหม๊าะ” เขต 8 และ “พ.ต.อ.พิทักษ์ พุทธวิโร” เขต 9
ผลจากการบริหารจัดการที่ล้มเหลวในครั้งนี้ แน่นอนว่าจะทำให้ภูมิใจไทยเสียคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ในภาพรวม หรือถึงขั้นผู้สมัคร สส.สงขลา สอบตกยกจังหวัดก็เป็นได้
ไม่เพียงเท่านั้น แต่ยังมีสิทธิ์ลามไปถึงบรรดา “บ้านใหญ่” หัวหน้ามุ้งการเมือง ที่ถูกดูดเข้ามา ที่เคยเปิดตัวจะมาร่วมงานการเมืองกับพรรคภูมิใจไทย อาจต้องหยุดทบทวนท่าทีใหม่ จะกลับหลังหันหรือไม่ เพราะกระแสความนิยมที่เคยมี ได้ไหลหายไปกับกระแสน้ำหมดแล้ว
จึงเชื่อว่าแผนการที่ “อนุทิน” เตรียมยุบสภาในวันที่12 ธ.ค.นี้ คงจะถูกเลื่อนออกไป หวังใช้เวลารักษาแผล เร่งการกอบกู้ สร้างความหวัง สร้างภาพเรียกคะแนนกันใหม่ช่วงหลังน้ำลด ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่ เพราะภาพเจ็บ ภาพจำ เหล่านี้มันลืมยาก ในช่วงเวลาสั้นๆ
โดยเฉพาะมาตรการเยียวยา ถ้ามาแต่ลมปาก แต่เงินไม่มา หรือมาแบบไม่ทั่วถึง จะยิ่งเป็นการโหมไฟแค้น ให้กับผู้ที่เดือดร้อน สูญเสีย
สภาพการณ์เช่นนี้ ไม่ใช่เพียงแกนนำพรรคภูมิใจไทยที่หนักใจ แม้แต่ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ “ซูเปอร์เลขาฯ” ที่เป็นหัวขบวน “ฝ่ายอนุรักษ์นิยม” ก็พลอยหนักใจไปด้วย เพราะแผนสืบทอดอำนาจที่วางไว้ กำลังเดินมาได้ด้วยดี กลับต้องชะงัก เจออุปสรรคใหญ่ เพราะความไม่เอาไหนของ “อนุทิน”
ครั้นจะเปลี่ยนหัว เปลี่ยนตัวผู้นำ จาก “อนุทิน” ไปเป็นคนอื่น มองแล้วก็ไม่มีตัวเลือกที่ดีพอ และไม่มีเวลาแล้ว
สุดท้ายก็ต้องจำใจเชิด “อนุทิน” ต่อไป ส่วนจะสำเร็จหรือไม่ ก็แล้วแต่เวร แต่กรรม !!

