นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสะบ้าย้อย และประธานชมรมแพทย์ชนบท ได้ออกมาโพสต์เรียกร้องให้มีการวาง "ระบบการจัดการศพ" ให้ชัดเจนเป็นการเร่งด่วน โดยระบุว่า นี่คือโจทย์สำคัญหลังน้ำลดที่ทางการไม่ควรมองข้าม เนื่องจากความสูญเสียในครั้งนี้อาจสูงถึงหลักร้อย หากไม่มีระบบรองรับที่ดี จะยิ่งสร้างความหดหู่และซ้ำเติมความทุกข์ให้กับญาติผู้สูญเสีย ที่อาจต้องขับรถตามหาศพตามวัดหรือโรงพยาบาลต่างๆ เอง ซึ่งเป็นภาระที่หนักหน่วงเกินไป
จากกรณี มีรายงานว่า พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองจเรตำรวจแห่งชาติ เผยมีร่างผู้เสียชีวิตเหตุน้ำท่วมส่งมารอพิสูจน์อัตลักษณ์แล้ว 104 ร่าง จากหลายโรงพยาบาลในพื้นที่ ทั้งในสงขลาและจังหวัดใกล้เคียงตั้งศูนย์นิติเวช ม.อ.เป็นจุดรวบรวม เตรียมคอนเทนเนอร์เก็บรักษาศพ 6 ตู้ ตำรวจ-แพทย์ระดมกำลังเพิ่ม เร่งพิสูจน์เพื่อคืนร่างให้ญาติโดยเร็วที่สุด
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 27 พ.ย. นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจผู้อำนวยการโรงพยาบาลสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา และ ประธานชมรมแพทย์ชนบท ออกมาโพสต์ข้อความแนะแนวทางการจัดการศพ ซึ่งถือว่าเป็นอีกเรื่องสำคัญที่รอการวางระบบ โดยได้ระบุข้อความว่า
เช้าวันนี้ต้องมีวางระบบให้ชัด แนวทางต้องชัด ญาติผู้สูญเสียจะได้ไม่ทุกข์หนักกว่านี้ อย่าให้เขาต้องขับรถไปตามหาศพทีละวัด โทรถามทีละโรงพยาบาล โทรมาโรงพยาบาลก็โกลาหลตอบไม่ได้ การตามหาญาติที่ติดต่อไม่ได้ รู้ว่าญาติสูงอายุ ติดเตียง ป่วย อาจสูญเสีย แต่ถูกลำเลียงออกมาแล้ว จะยิ่งสร้างความหดหู่ซ้ำเติมความสูญเสียถ้าไม่มีระบบที่ดีรองรับ
มหาอุทกภัยภาคใต้ 2568 น้ำเริ่มลดแล้ว นอกจากการช่วยเหลือผู้คนที่ติดน้ำท่วม ส่งต่ออาหาร/น้ำดื่ม ทำแผล/จัดยารักษาโรค จัดการจราจร ฟื้นฟูระบบสื่อสาร อีกโจทย์สำคัญคือ ”การจัดการศพ“
น้ำท่วมครั้งนี้ความสูญเสียมีมาก เฉพาะในหาดใหญ่และพื้นที่รอบนอกอาจจะหลักหลายร้อย การจัดระบบการจัดการศพและนิติเวชจึงสำคัญมาก โรงพยาบาลในพื้นที่เอาไม่อยู่
เมื่อกู้ภัยหรือประชาชน พบศพที่รู้จักหรือไม่รู้จัก จะมีศูนย์กลางการจัดการศพไหม จะมีระบบการขึ้นทะเบียนอย่างไร เอามาเก็บรักษาทำการชันสูตรที่ไหน จะมีกี่จุด จะมีตู้แช่ศพไม่พอแน่ ญาติจะมาดูศพ บ้างจะขอเอากลับไปทำพิธีเลย บ้างไม่ขอส่งมารวมได้ไหม จะจัดการอย่างไร สำหรับรอการทำพิธีทางศาสนา ยิ่งศพที่ไม่มีญาติ ไม่มีใครรู้จัก ก็ยิ่งต้องชันสูตรอัตลักษณ์บุคคลให้รัดกุม หากไม่มีจัดการ จะนำมาซึ่งความหดหู่และซ้ำเติมความสูญเสีย
สำหรับผู้ที่เสียชีวิตที่บ้านจากความเจ็บป่วยที่ไม่ได้จมน้ำ แต่ไม่อาจมาโรงพยาบาลได้ จะจัดการอย่างไร ต้องมีการรวบรวมข้อมูล จำนวน เพื่อเป็นบทเรียนสำหรับอนาคต
ความสูญเสียในทุกโรงพยาบาลอันเนื่องมาจากการส่งต่อไม่ได้ ไฟฟ้าดับ ออกซิเจนหมด หรืออื่นใดที่ควรป้องกันได้ ก็ควรมีการบันทึกไว้ เพื่อการวางระบบลดความเสี่ยงในอนาคตต่อไป
วิวาทะเรื่องตัวเลขความสูญเสียก็จะเป็นอีกเรื่ิิองสำคัญ ความจริงต้องเป็นความจริง ความจริงคือสิ่งที่มิอาจปิดบังได้ การเก็บข้อมูลที่ดี เป็นระบบ และไม่บิดเบือนใดๆเท่านั้นที่จะไม่ทำให้ผู้คนหมดศรัทธา
ครึ่งเช้าวันนี้ 27 พฤศจิกายน 2568 วันที่น้ำเริ่มลด ควรมีประกาศ ”ระบบการจัดการศพความสูญเสียได้แล้ว“

