นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ขอบคุณนายกฯ อนุทินและรัฐบาลไทยช่วยเหลือชาวมาเลเซียจากน้ำท่วมหาดใหญ่ ด้านนักศึกษาและอาจารย์มหาวิทยาลัยอุตารา มาเลเซีย 40 คน เดินทางกลับประเทศแล้ว ขณะที่ รมว.ต่างประเทศมาเลเซีย เผยมีชาวมาเลเซียกว่า 700 คนกลับประเทศแล้ว เหลือตกค้างไม่ถึง 500 คน
วันนี้ (27 พ.ย.) เฟซบุ๊ก Anwar Ibrahim ของนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โพสต์ข้อความถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ระบุว่า "ขอแสดงความชื่นชมอย่างจริงใจต่อนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลไทย สําหรับความช่วยเหลือและความเห็นอกเห็นใจในการช่วยเหลือชาวมาเลเซีย ที่ติดค้างจากน้ําท่วมในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเมื่อเร็ว ๆ นี้
การกระทําที่รวดเร็วและรอบคอบนี้สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่ยั่งยืนของความสัมพันธ์ทวิภาคีและจิตวิญญาณแห่งความสามัคคีที่เราให้ความสําคัญอย่างลึกซึ้ง มาเลเซีย และประเทศไทย จะยังคงทํางานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อปกป้องความปลอดภัย สวัสดิการ และความเป็นอยู่ของประชาชนของเรา"
ด้านเฟซบุ๊ก Universiti Utara Malaysia ของมหาวิทยาลัยอุตารา มาเลเซีย (UUM) ออกแถลงการณ์ระบุว่า จากกรณีที่นักศึกษา 36 คน และอาจารย์ 4 คน จากคณะการบัญชี TISSA-UUM ติดค้างจากเหตุการณ์น้ำท่วมในหาดใหญ่ ประเทศไทย ซึ่งเดินทางตามโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมไทย-มาเลเซีย 2025 เป็นเวลา 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 20-22 พ.ย. 2568 ไม่ได้เดินทางไปท่องเที่ยวตามที่บางฝ่ายกล่าวอ้างในสื่อสังคมออนไลน์ ตามกำหนดการ กลุ่มนักศึกษามีกำหนดเดินทางกลับถึงวิทยาเขตซินต๊อก รัฐเคดะห์ ในวันที่ 22 พ.ย. แต่เนื่องจากฝนตกหนัก ทำให้พวกเขาต้องติดค้างอยู่ที่โรงแรมวังบูรพาแกรนด์ หาดใหญ่ ซึ่งเป็นที่พักของนักศึกษา
โดยเมื่อเวลา 13.00 น. ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น นักศึกษาและบุคลากรของวิทยาลัยอุตารา มาเลเซีย จำนวน 40 คน ได้รับการอพยพออกจากโรงแรมและเดินทางมาถึงห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล หาดใหญ่ ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังด่านบูกิตกายูฮิตัม ด้วยรถบัสของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) หรือ PSU ซึ่งเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ของมหาวิทยาลัยฯ และทั้งสองสถาบันให้การสนับสนุนซึ่งกันและกันอย่างต่อเนื่อง การมาถึงของพวกเขาได้รับการต้อนรับจาก ศ.ดร.อาหมัด มาร์ตาดา โมฮาเหม็ด รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาและศิษย์เก่าของ UUM ซึ่งดำรงตำแหน่งรักษาการรองอธิการบดี
ดร.อาหมัด กล่าวว่า ปฏิบัติการส่งตัวกลับประเทศมีความซับซ้อนมากกว่าที่หลายคนคิด เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการประสานงานข้ามพรมแดน โดยโรงแรมวังบูรพาแกรนด์ ตั้งอยู่ใกล้แหล่งน้ำ (คลองอู่ตะเภา) มาก ทำให้กระแสน้ำไหลแรงมาก และระดับน้ำสูงถึง 10 ฟุต แต่ในที่สุดพวกเขาก็ได้กลับบ้านอย่างปลอดภัยด้วยการสวดมนต์ของชาวมาเลเซียทุกคน และด้วยความช่วยเหลือจากกระทรวงอุดมศึกษา กระทรวงการต่างประเทศมาเลเซีย (วิสมา ปูตรา) สถานกงสุลมาเลเซียประจำประเทศไทย และองค์กรพัฒนาเอกชน
ดร. อาดี อัซฮาร์ อับดุล ราซัค ผู้อำนวยการศูนย์สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี PKKU-UUM ซึ่งกำลังรอการมาถึงของนักศึกษาที่ด่านบูกิตกายูฮิตัม ได้จัดเตรียมเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ ขณะที่ TISSA-UUM ได้จัดเตรียมอาหาร รวมถึงอาหารจากร้านเคเอฟซี มาเลเซีย โดยก่อนหน้านี้ UUM ได้รับแจ้งเกี่ยวกับโครงการอพยพที่สถานกงสุลมาเลเซียประจำประเทศไทย ประสานงานโดยได้รับการสนับสนุนจากองค์กรพัฒนาเอกชน
เพื่อเป็นหลักฐาน ดร. โมฮัมดุลิลลาฮ์ ฮารูน ราซิต อาจารย์ของ TISSA-UUM ซึ่งเป็นผู้นำคณะนักศึกษา รายงานว่า ระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างกะทันหันเมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2568 ทำให้พวกเขาไม่สามารถเดินทางกลับได้ และเขาได้แจ้งเรื่องนี้ทันทีต่อฝ่ายบริหารมหาวิทยาลัย กระทั่งในคืนวันที่ 22 พ.ย. โรงแรมที่นักศึกษาและอาจารย์พักอยู่ประสบเหตุไฟฟ้าดับ เนื่องจากน้ำท่วมสูงถึงระดับเข่า
ต่อมา ดร. อะหมัด มาร์ตาดา ได้ติดต่อกับสถานกงสุลมาเลเซียประจำจังหวัดสงขลา องค์กรพัฒนาเอกชน และผู้นำศาสนาอิสลามหลาคน รวมถึงระดมกำลังศิษย์เก่า UUM ในพื้นที่ เพื่อช่วยเหลือในการจัดส่งอาหาร น้ำ และยา ในวันที่ 25 และ 26 พ.ย. UMM ได้ส่งเรือ 12 ลำ โดยได้รับการสนับสนุนจากองค์กรพัฒนาเอกชน เพื่อจัดส่งอาหารและสิ่งของจำเป็นให้กับนักศึกษา UUM ที่โรงแรมวังบูรพาแกรนด์ อย่างไรก็ตาม กระแสน้ำมีกำลังแรงเกินไป ทำให้เรือต้องหันกลับ
ที่พักของนักศึกษา UUM แตกต่างจากที่พักอื่นๆ ตรงที่ตั้งอยู่ใกล้แหล่งน้ำมาก และน้ำท่วมสูงกว่าชั้นหนึ่งของโรงแรม ทำให้รถยนต์หรือรถบรรทุกไม่สามารถเข้าได้ มหาวิทยาลัย UUM ขอขอบคุณชุมชนท้องถิ่นที่จัดเตรียมโจ๊กสำหรับนักศึกษาและบุคลากรของมหาวิทยาลัยตลอดระยะเวลาที่เข้าพัก นอกจากนี้ ยังขอบคุณสถานกงสุลมาเลเซีย และองค์กรพัฒนาเอกชนที่เกี่ยวข้อง สำหรับความพยายามในการช่วยเหลือและอพยพนักศึกษาและบุคลากรของ UUM จากภัยพิบัติน้ำท่วมครั้งนี้
ขณะที่สำนักข่าวแห่งชาติเบอร์นามา (BERNAMA) ของมาเลเซีย รายงานว่า นายโมฮัมหมัด ฮาซัน รมว.ต่างประเทศมาเลเซีย ตอบคำถามในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่า มีชาวมาเลเซียกว่า 700 คน ได้รับการอพยพจากหาดใหญ่ไปยังด่านบูกิตกายูฮิตัมแล้ว ซึ่งกงสุลมาเลเซียรายงานว่า ขณะนี้เหลือชาวมาเลเซียตกค้างไม่ถึง 500 คน และปฎิบัติการค้นหาได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งในเช้าวันนี้ โดยมีชาวมาเลเซียได้รับการช่วยเหลือเพิ่มเติม 177 คน หนึ่งในนั้นมีกลุ่มอาจารย์และนักศึกษา UUM ที่ติดอยู่ในโรงแรม ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงเนื่องจากอยู่ใกล้แหล่งน้ำและกระแสน้ำเชี่ยวกราก ไม่มียานพาหนะใดๆ รวมถึงเรือขนาดเล็ก ไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้
ขณะนี้เรือกู้ภัยสามารถเข้าถึงพื้นที่ได้แล้ว แต่เส้นทางบกหลายเส้นทางยังไม่สามารถเดินทางได้โดยยานพาหนะทั่วไป ทำให้ทีมกู้ภัยต้องใช้รถบรรทุกคอนเทนเนอร์ในการอพยพผู้ประสบภัย จนกว่ารถบัสจะสามารถขนส่งผู้โดยสารได้อีกครั้งในวันนี้ แต่เนื่องจากฝนได้หยุดตกตั้งแต่เมื่อวานนี้ ทีมงานจากส่วนกลางและอาสาสมัครจากเทศบาลนครหาดใหญ่ จะเข้าไปช่วยเหลือในการอพยพผู้เข้าพักของโรงแรมในพื้นที่ที่ยังคงได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมและรถยนต์ไม่สามารถเข้าถึงได้
ทั้งนี้ รมว.ต่างประเทศมาเลเซียได้ติดต่อไปยังฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อสอบถามว่า จำเป็นต้องใช้ทีมกู้ภัยมาเลเซียหรือไม่ แต่ได้รับคำตอบว่า สถานการณ์น่าจะบริหารจัดการโดยทีมของเขาเองได้ และได้รับความช่วยเหลือรวมถึงการสนับสนุนอย่างมากจากทางการไทย อาสาสมัครชาวมาเลเซียหลายคนได้ไปช่วยเหลือที่ประเทศไทย ซึ่งรวมถึงนักดับเพลิงอาสาสมัครจากทางตอนเหนือของประเทศมาเลเซีย จากรัฐปะลิส รัฐเคดะห์ และทางตอนเหนือของรัฐเปรัก และสมาชิกจากองค์กรพัฒนาเอกชนอื่นๆ
นอกจากนี้ นายโมฮัมหมัดยังแนะนำให้ประชาชนชาวมาเลเซีย เลื่อนการเดินทางมายังประเทศไทยออกไป เนื่องจากเป็นช่วงฤดูมรสุม สำหรับชาวมาเลเซียที่อยู่ในภาคใต้ของประเทศไทย แนะนำให้เฝ้าระวัง คอยติดตามสภาพอากาศ และปฎิบัติตามประกาศหรือคำแนะนำจากหน่วยงานท้องถิ่นตลอดเวลา กระทรวงการต่างประเทศมาเลเซีย โดยสถานทูตมาเลเซียประจำกรุงเทพฯ และสถานกงสุลใหญ่มาเลเซียประจำจังหวัดสงขลา จะดำเนินการตามมาตรการที่ดีที่สุดต่อไป เพื่อให้แน่ใจว่าชาวมาเลเซียในประเทศไทยปลอดภัยและมีสวัสดิการที่ดี

