xs
xsm
sm
md
lg

ไทยฮับเวลเนสโลก1.4 ล้านล้าน คนจีนจ่ายหนักทะลักตลาดหลักไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ผู้จัดการรายวัน 360- ตลาดเวชศาสตร์ป้องกันมาแรง “ไวทัลไลฟ์” ยกระดับสู่ Longevity Hub เจาะคนจีนผู้มั่งคั่งมุ่งหวังอายุยืนและสุขภาพดี พร้อมดันไทยสู่ฮับ Medical and Wellness โลก หลังพบโอกาสทอง ตลาด Wellness ไทยมีมูลค่ารวมมากกว่า 1.4 ล้านล้านบาท โตอีกปีละ 7-10%


นางสาวนภัส เปาโรหิตย์ Chief Marketing Officer โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เปิดเผยว่า เทรนด์รักสุขภาพทั่วโลกกำลังมาแรงมาก โดยในปี 2566 พบว่า ตลาด Wellness Economy ทั่วโลก มีมูลค่ารวมกว่า 6.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และคาดว่าจะเติบโตถึง 9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2571 หรืออีก 3 ปีข้างหน้า เนื่องจากผู้คนทั่วโลกให้ความสำคัญกับการมีอายุยีนยาวและสุขภาพแข็งแรงมากขึ้น ดังนั้นการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน และ Longevity หรือการมีอายุยืนยาวอย่างมีคุณภาพ (Lifespan)ไม่ใช่แค่มีชีวิตอยู่จนแก่ แต่หมายถึงมีสุขภาพดี แข็งแรงทั้งกายและใจ จนถึงบั้นปลายชีวิต กลายเป็นเมกะเทรนด์ของโลก

เช่นเดียวกับตลาด Weliness Economy ในประเทศไทย ที่มีมูลค่ารวมกันกว่า 1.4 ล้านล้านบาท มีแนวโน้มขยายตัวในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง จากปี 2563-2566 มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 8.62% ต่อปี คาดการณ์ว่าจากปีนี้จะเติบโตเฉลี่ย เพิ่มเป็น 7-10% ต่อปีขึ้นไป โดยได้รับแรงหนุนจากกระแสความใส่ใจในสุขภาพที่เพิ่มขึ้นหลังวิกฤตโควิด-19 และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ที่ประเทศไทยติดอันดับต้นๆ ของโลก

โดยปี 2568 ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ คาดว่าจะสร้างรายได้รวมถึง 6.7 แสนล้านบาท ที่สำคัญประเทศไทยกำลังเป็นที่จับตามอง ในฐานะศูนย์กลางของกลุ่มชาวจีนที่มีกำลังซื้อสูง (High Net Worth Individuals - HNW) ซึ่งไม่ได้มองหาเพียงโอกาสทางธุรกิจหรือการพักผ่อน แต่ชาวจีนกลุ่มนี้ได้มองหาคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด โดยเฉพาะด้านสุขภาพ จึงเป็นโอกาสมหาศาลสำหรับอุตสาหกรรม Medical & Wellness ของไทย

เนื่องจากธุรกิจ Wellness ในไทยเป็นอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพสูงและเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญที่รัฐบาลพยายามผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และสุขภาพของโลก


ทั้งนี้มีข้อมูลสำคัญที่สนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของกลุ่มชาวจีนที่มีกำลังซื้อสูง (HNWI) ดังนี้ 1. The Big Picture: คลื่นการลงทุนและย้ายถิ่นฐานของชาวจีนสู่ประเทศไทยที่เข้ามาลงทุนเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูงมาก เช่น เป็นผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยสูงสุด โดยปี 2567 มีการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมถึง 5,670 ยูนิต คิดเป็นมูลค่ากว่า 26.6 พันล้านบาท หรือกว่า 39% ของการโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมด และตลอด 5 ปีที่ผ่านมา มีเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากกลุ่มทุนจีนไหลเข้ามาลงทุนในไทยเกือบ 5 แสนล้านบาท และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ในไทยมีชาวจีนโพ้นทะเลใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ราว 7-10 ล้านคน จึงทำให้คนไทยและคนจีนมีความสัมพันธ์อันดีจากความคุ้นเคยและความไว้วางใจที่มีมาอย่างยาวนาน และที่สำคัญกว่า 80% ของ 40 อันดับมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในไทย มีเชื้อสายจีน ดังนั้นคนจีนที่เข้ามาในประเทศไทย จึงไม่ใช่เพียงเพื่อการท่องเที่ยว แต่เป็นการย้ายถิ่นฐานและการลงทุนระยะยาวของกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูงที่สุดกลุ่มหนึ่งของโลก ซึ่งกำลังมองหาบ้านหลังที่สองที่ตอบโจทย์คุณภาพชีวิตได้อย่างครบวงจร

2. The Shit in Values: จากความมั่งคั่ง สู่สุขภาพที่ดี โดยกลุ่ม HNWI ชาวจีนในปัจจุบัน "สุขภาพ" ได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จสูงสุด แซงหน้าสินค้าฟุ่มเฟือยแบบเดิมๆ โดยการใช้จ่ายชาวจีนกลุ่ม HNWI กว่า 25% ของรายได้ใช้กับการดูแลสุขภาพ และพบว่าชาวจีนกว่า 500,000 คน เดินทางไปต่างประเทศเพื่อท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ สร้างมูลค่าใช้จ่ายกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี สอดคล้องกับแนวคิดดั้งเดิมของจีนเรื่อง "การบำรุงรักษาสุขภาพ" ที่เน้นการมีชีวิตที่สมดุลและยืนยาวผสมผสานเข้ากับเทรนด์ Wellness สมัยใหม่

3. The Uitimate Goal: การมีชีวิตที่ยืนยาวและมีสุขภาพดี เป้าหมายสูงสุดของคนจีนได้ขยับจากการมีอายุยืนไปสู่การมี "ช่วงชีวิตที่สุขภาพดี" ที่ยาวนานขึ้น ซึ่งผลักดันให้ตลาด Longevity Medicine เติบโตอย่างก้าวกระโดด ดังนั้นตลาด Longevity ของจีนกำลังกลายเป็นพรมแดนการเติบโตใหม่ที่ทรงพลังของเศรษฐกิจไทย

นางสาวนภัส กล่าวต่อว่า เทรนด์ใหม่ที่มาแรงที่สุดในกลุ่ม HNWI คือ Longevity ไม่ใช่แค่การมีอายุยืนยาวอย่างสุขภาพดี แต่คือการใช้นวัตกรรมและวิทยาศาสตร์ขั้นสูงเพื่อออกแบบชีวิตให้ยืนยาวและมีคุณภาพดีที่สุด ซึ่งประเทศไทยและศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์มีความพร้อมอย่างยิ่งที่จะเป็นผู้นำในตลาดนี้ โดยมีการลงทุนต่อเนื่องทั้งในแง่ของอินโนเวชั่น เทคโนโลยี โซลูชั่น บุคคลากร โอปอเรชั่น และการให้บริการต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกและผู้เข้าใช้บริการ ซึ่งไวทัลไลฟ์ เป็นเรื่องของเวชศาสตร์ป้องกัน เป็นการต่อยอดบริการจากการรักษาของบำรุงราษฏร์ ทำให้ปัจจุบัน ไวทัลไลฟ์ เป็นผู้นำด้านเวชศาสตร์ป้องกันทั้งในไทยและภูมิภาคนี้


ด้าน ผศ.นพ. พลกฤต ทีมคิรีกุล Chief Executive Officer ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์และเอสเพอรานซ์ และ Chief Science Officer ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า ปัจจุบันพบว่ากระแสรักสุขภาพมาแรงมาก โดยเฉพาะหลังโควิด มีผู้เข้าใช้บริการที่ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์เพิ่มเป็นเท่าตัว จนปัจจุบันมีผู้ใช้บริการกว่า 1 แสนคน เฉลี่ยอายุ 50 ปีขึ้นไป แต่ช่วงหลังมานี้พบว่า กลุ่มอายุน้อยลงช่วง 30-40 ปีปลายๆ โดยเฉพาะคนไทย หันมาใช้บริการที่ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์มากขึ้น จนทำให้ปัจจุบันมีฐานผู้ใช้บริการกว่า 1 แสนคน แบ่งเป็นต่างชาติ 60% และ 40% เป็นคนไทย โดยในส่วนของต่างชาตินั้น อันดับ 1 คือ ตะวันออกกลาง ตามมาด้วย ยุโรป อเมริกา จีน ซึ่งรวมถึงฮ่องกง และไต้หวันด้วย และยังมี CLMV อีกส่วนหนึ่ง

ส่วนการเข้าใช้บริการนั้น ต้องการป้องกันใน 5 โรคดังต่อไปนี้ คือ โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง, สมอง, หัวใจ, เบาหวาน, มะเร็ง และอายุยืนยาวแบบไร้โรคภัย ที่กำลังมาแรงในช่วงนี้ ซึ่งคนจีนให้ความสนใจอย่างมาก ซึ่งการเข้าใช้บริการนั้นจะเน้นในรูปแบบของวันโซลูชั่น ที่มีการตรวจแบบครบวงจรครอบคลุมทุกโรคภัยที่อาจเกิดขึ้นได้

อย่างไรก็ตามเนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ซึ่งเป็นปีที่มีความหมายสำคัญต่อความร่วมมือระหว่างสองประเทศในทุกมิติ รวมถึงด้านสุขภาพและการแพทย์ ในฐานะที่ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์เป็นศูนย์ส่งเสริมสุขภาพชั้นนำในภูมิภาคที่ได้รับการรับรอง GHA ระดับมาตรฐานสากล จึงได้ยกระดับการบริการสู่การเป็น Longevity Hub เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย โดยเฉพาะชาวจีนที่มีกำลังซื้อสูง (HNW/) ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในไทย


"ไวทัลไลฟ์และบำรุงราษฎร์ มีเป้าหมายชัดเจนในการเป็นผู้นำระดับภูมิภาคด้าน Scientific Wellness & Longevity ภายใต้แนวทาง Evidence-based, Personalized, and Sustainable โดยมุ่งสร้างมาตรฐานใหม่ของ Wellness ที่ไม่ใช่เพียงการผ่อนคลาย แต่คือการดูแลสุขภาพด้วยฐานข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการแพทย์เชิงรุก เพื่อให้ทุกคนมี สุขภาพดีอย่างยั่งยืน"

โดยมั่นใจว่า ในแง่รายได้ปีนี้จะเติบโต 2 หลัก หรือมากกว่าตลาด และยอดผู้ใช้บริการจะเติบโต 2 หลักด้วยเช่นกัน ซึ่งรายได้ของไวทัลไลฟ์ อยู่ที่ 5% ของรายได้รวมกลุ่มบำรุงราษฏร์ ขณะที่รายได้ของโรงพยาบาลบำรุงราษฏร์ เฉลี่ยอยู่ที่ 24,000-25,000 ล้านบาท กำไรประมาณ 7,000 ล้านบาท ขณะที่ปัจจุบันโรงพยาบาลบำรุงราษฏร์ อยู่ในอันดับที่ 100 ของโลกที่ให้บริการที่ดีที่สุด จากทั้งหมด 250 อันดับ ซึ่งไทยอยู่ในอันดับที่ดีกว่าสิงคโปร์ ที่อยู่ในอันดับ 111 อีกด้วย.
กำลังโหลดความคิดเห็น