โฆษกรัฐบาล เผย คณะรัฐมนตรีมีมีมติเห็นชอบในหลักการข้อเสนอแนะของคณะกรรมการพัฒนากฎหมาย เรื่อง ข้อเสนอแนะในการรับมือกลไกการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป
วันนี้ (25 พฤศจิกายน 2568) นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบในหลักการข้อเสนอแนะของคณะกรรมการพัฒนากฎหมาย เรื่อง ข้อเสนอแนะในการรับมือกลไกการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป และข้อเสนอให้ยกระดับการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในระยะยาว โดยมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการนำข้อเสนอแนะของคณะกรรมการพัฒนากฎหมายไปดำเนินการ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) เสนอ
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ข้อเสนอแนะของคณะกรรมการพัฒนากฎหมาย ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ สืบเนื่องจากสหภาพยุโรปได้เริ่มนำกลไกการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน หรือ Carbon Border Adjustment Mechanism (CBAM) เพื่อจัดเก็บ “ราคา”คาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon-pricing) กับสินค้าที่มีกระบวนการผลิตที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในปริมาณที่สูง มาใช้กับสินค้า 6 ประเภทที่นำเข้าไปในสหภาพยุโรป ได้แก่ ซีเมนต์ ไฟฟ้า ปุ๋ย เหล็กและเหล็กกล้า อลูมิเนียม และไฮโดรเจน ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 และจะมีการบังคับใช้กลไกดังกล่าวอย่างเต็มรูปแบบในปี พ.ศ. 2569 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าโดยปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในระดับที่สูง และอาจทำให้ผู้ประกอบการไทยไม่สามารถแข่งขันในตลาดของสหภาพยุโรปได้ โดยคณะกรรมการพัฒนากฎหมายได้มีข้อเสนอเกี่ยวกับมาตรการเพื่อรับมือกับกลไก CBAM ของสหภาพยุโรป และยกระดับการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประกอบการไทย ตลอดจนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในระยะยาว
โดยเห็นว่าควรเร่งดำเนินการจัดให้มีภาษีคาร์บอนภาคบังคับ โดยกำหนดกลไกจัดเก็บภาษีคาร์บอนดังกล่าวให้สอดคล้องตามเงื่อนไขที่สหภาพยุโรปกำหนดเร่งจัดทำกฎหมายว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยให้ศึกษากลไกต่าง ๆ อย่างรอบคอบบนพื้นฐานของข้อมูลและประสบการณ์ของประเทศต่าง ๆ และผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทย (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมได้เสนอร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. .... ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติหลักการพร้อมกับข้อเสนอแนะในเรื่องนี้ด้วยแล้ว) จัดหาข้อมูลที่จำเป็นและดำเนินการด้านอื่น ๆ เพื่อให้การสนับสนุนผู้ประกอบการให้ปฏิบัติตามกลไก CBAMM ได้อย่างถูกต้องและครบถ้วน สนับสนุนองค์กรภาคเอกชนในประเทศไทยที่ทำหน้าที่เป็นผู้ทวนสอบการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้รับการรับรองให้ทำหน้าที่เป็นผู้ทวนสอบตามกลไก CBAM ของสหภาพยุโรป ยกระดับการดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภาพรวมให้สอดคล้องกับความจำเป็นเร่งด่วนของสถานการณ์ กำหนดมาตรการส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้ประกอบการนำเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูงมาใช้ในกระบวนการผลิตสินค้าและเลือกใช้พลังงานสะอาดเพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเร่งหาแหล่งพลังงานสะอาดเพื่อมาใช้ทดแทนพลังงานจากฟอสซิลโดยเร่งด่วน อย่างไรก็ตาม การดำเนินการดังกล่าวอาจจะทำให้ผู้ประกอบการและผู้บริโภคต้องรับภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในระยะสั้น เนื่องจากมีต้นทุนจากการจ่าย “ราคา” คาร์บอนภาคบังคับที่เพิ่มขึ้น แต่มาตรการดังกล่าวจะสร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งไม่เพียงแต่จะลดต้นทุนและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการในระยะยาว แต่ยังจะมีส่วนส่งเสริมอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูงหรืออุตสาหกรรมสีเขียวให้เติบโต อันจะเป็นการสร้างงานสร้างรายได้ และจะช่วยลดความรุนแรงของปัญหาสภาพภูมิอากาศ ตลอดจนลดต้นทุนต่อเศรษฐกิจและสังคมที่เกิดจากความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศ และยังเป็นการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยที่ส่งออกสินค้าไปขายยังสหภาพยุโรปให้สามารถปฏิบัติตามกลไก CBAM ได้อย่างถูกต้องและครบถ้วน

