xs
xsm
sm
md
lg

ตม.แจงมาตรการสกัดต่างชาติ ใช้ Free Visa เข้าออกถี่ผิดปกติ ปัดเข้ม 16 สัญชาติ ยันไม่กระทบนักท่องเที่ยวจริง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



รอง ผบช.สตม. ชี้มาตรการสกัดต่างชาติใช้สิทธิ Free Visa เข้าออกถี่ผิดปกติ มุ่งจัดระเบียบผู้แฝงอาชีพ–หลบเลี่ยงวีซ่า ไม่กระทบนักท่องเที่ยวจริง พร้อมปัดข่าวลือเน้นตรวจเข้มชาวจีนและ 16 สัญชาติ เผยพบนักท่องเที่ยวตัวจริงอยู่เฉลี่ย 15 วัน ไม่ได้รับผลกระทบ ขณะยอดต่างชาติทยอยเข้าไทยเฉลี่ยวันละกว่า 115,000 คน

วันนี้ (25 พ.ย.) พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี รองผู้บัญชาการและโฆษกสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) กล่าวว่า จากกรณีที่ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) ได้กำชับมาตรการสกัดกั้นการเดินทางของคนต่างชาติที่แฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยวเข้า-ออกประเทศไทย ทั้งทางบกและทางอากาศ เพื่อแก้ปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ หลังใช้มาตรการดังกล่าวเริ่มมีการปล่อยข่าวว่า ตม. จะตรวจเข้มเฉพาะชาวจีนบ้าง หรือคนต่างชาติ 16 สัญชาติบ้าง และเริ่มมีกระแสว่า มาตรการดังกล่าวทำให้กระทบการท่องเที่ยว

พล.ต.ต.เชิงรณ ชี้แจงว่า เริ่มมีต่างชาติที่เสียประโยชน์ รวมถึงผู้ประกอบการบางรายที่ทำธุรกิจวีซ่ารัน (Visa Run หรือการเดินทางออกนอกประเทศ ชั่วคราว เพื่อกลับเข้ามาใหม่อีกครั้ง เพื่อให้ได้รับสิทธิ์พำนักอยู่ในประเทศต่อไปตามระยะเวลาที่วีซ่าหรือกฎด่านตรวจคนเข้าเมืองอนุญาต) ปล่อยข่าวทางโซเชียล เพื่อสร้างกระแสว่ามาตรการดังกล่าวกระทบต่อการท่องเที่ยว ทำให้ต่างชาติที่เป็นนักท่องเที่ยวที่จะมาเที่ยวในไทยจริงๆ มีความกังวล โดยเฉพาะชาวจีน และนักท่องเที่ยว 16 สัญชาติ เช่น สิงคโปร์ เกาหลีใต้ รัสเซีย เป็นต้น ซึ่งมาตรการดังกล่าว จะสกัดคนต่างชาติทุกสัญชาติที่ฉวยโอกาสยกเว้นการขอวีซ่าเพื่อการท่องเที่ยว หรือฟรีวีซ่า (Free Visa) ซึ่งสามารถอยู่ในไทยได้ถึง 90 วันต่อครั้ง และเดินทางออกระยะสั้น แล้วเดินทางกลับเข้ามาใหม่ในระยะเวลาเกือบ 90 วัน ซ้ำๆ จนพบว่า บางรายเข้าออกติดต่อไม่น้อยกว่า 7 ครั้ง รวมเวลาพำนักในไทยกว่า 200 กว่าวัน โดยใช้เส้นทางเข้า-ออกไทยทางอากาศบ้าง ทางบกบ้าง

โดยพบว่าคนต่างชาติเหล่านี้ ไม่ได้เข้า-ออกไทยเพื่อการท่องเที่ยวจริง ซึ่งคนต่างชาติกลุ่มนี้หลายรายทำธุรกิจบ้าง ประกอบอาชีพบ้าง หรือเป็นเจ้าของกิจการโดยใช้คนไทยเป็นนอมินี โดยใช้ Free Visa เพื่อหลีกเลี่ยงการขอวีซ่าที่ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ของการเข้าไทย ซึ่งจะทำให้คนต่างชาติเหล่านี้ไม่มีข้อมูลในระบบควบคุมการประกอบอาชีพในไทย ทั้งด้านแรงงาน พาณิชย์ รวมถึงระบบการเสียภาษีต่างๆๆ นอกจากนี้ มาตรการดังกล่าว ยังป้องกันคนต่างชาติที่ถูกกวาดล้างจากขบวนการคอลเซนเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน และใช้ Free Visa เพื่อย้ายฐานเข้ามาในไทย ซึ่งที่ผ่านมา มีการเข้าจับกุมตามปรากฎข่าวหลายราย และพบว่ามีประวัติการใช้ Visa Run เข้าไทย

ส่วนประเด็นที่อ้างว่า ตม. จะเน้นสกัดคนต่างชาติ 16 สัญชาติ โดยเฉพาะจีนนั้นเป็นข้อความเท็จ เนื่องจากมาตรการนี้จะใช้กับคนต่างชาติทุกสัญชาติ ที่ใช้สิทธิ Free Visa ในระยะเกือบเต็มสิทธิไม่น้อยกว่าครั้งละ 45 วัน ต่อเนื่องกันหลายครั้งเกินกว่า 2 ครั้ง หากพบจะถูกเจ้าหน้าที่ ตม. เรียกตรวจสอบ เพื่อดูการจองที่พัก ซื้อตั๋วเดินทางกลับ แผนการท่องเที่ยว รวมถึงเหตุผลอื่นๆ ที่เป็นเหตุให้เข้า-ออกไทยหลายครั้งจนผิดวิสัยนักท่องเที่ยว เพื่อพิจารณาว่าจะอนุญาตให้เข้าหรือไม่ หากปฎิเสธก็จะถูกส่งกลับ โดยแนะนำให้ขอวีซ่ามาให้ถูกต้องตามวัตถุประสงค์

"ยืนยันว่ามาตรการนี้ เป็นการคัดแยกนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยว และสร้างรายได้ให้ไทยอย่างชัดเจนมากขึ้น ซึ่งตามสถิตินักท่องเที่ยวจริงๆ จะใช้เวลาพำนักเฉลี่ยครั้งละ 15 วัน มีแผนท่องเที่ยว มีที่พัก และวันเดินทางกลับที่ชัดเจน กลุ่มนี้ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด" พล.ต.ต.เชิงรณ กล่าว

รอง ผบช.สตม. กล่าวว่า สำหรับช่วง พ.ย.2568 พบว่าแนวโน้มคนต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน อินเดีย มีแนวโน้มเข้าไทยเพิ่มมากขึ้น โดยที่ด่าน ตม. สนามบิน มีตัวเลขเฉลี่ยคนต่างชาติบินเข้าไทยราววันละ 115,000 คน โดยสนามบินสุวรรณภูมิ เฉลี่ยต่างชาติเดินทางเข้าราววันละ 73,000 คน รองลงมาเป็นสนามบินดอนเมือง และสนามบินภูเก็ต ซึ่งมาตรการดังกล่าว อาจกระทบกับความหนาแน่นที่สนามบิน โดยเฉพาะสนามบินสุวรรณภูมิไปบ้าง แต่ยืนยันว่า ในช่วงเที่ยวบินหนาแน่น คนต่างชาติใช้เวลารอคิวถึงหน้าช่องตรวจหนังสือเดินทางไม่เกินคนละ 40 นาที โดยในช่วงปลายปี จะขยายการตรวจคนต่างชาติที่มีวีซ่า สามารถใช้ช่อง Automatic Channel ได้ด้วย จะช่วยลดระดับความหนาแน่นได้ดีขึ้น

ทั้งนี้ มาตรการการคัดกรอง Visa Run นี้ อาจกระทบกับคนต่างชาติที่ใช้ Visa Run แฝงเข้าไทยมานานจนเคยตัว รวมถึงผู้ประกอบการ Visa Run แก่คนต่างชาติที่เสียประโยชน์ ซึ่ง พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. เห็นว่า จะต้องจัดระเบียบคนต่างชาติที่เข้าไทยให้ถูกต้อง ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลปกติซึ่ง ตม. ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลทั่วโลกใช้คัดกรองต่างชาติทั้งสิ้น หากใช้แต่มาตรการด้านอำนวยความสะดวกโดยเอาแต่ยอดนักท่องเที่ยวที่ไม่เป็นจริง ก็จะเกิดความเสี่ยงด้านความมั่นคง และถูกครหาว่า ไทยเป็นแหล่งพักพิงของต่างชาติผิดกฎหมายในที่สุด
กำลังโหลดความคิดเห็น