สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ย้ำใช้ไบโอเมตริกซ์ - ฐานข้อมูลระหว่างประเทศ คัดกรองเข้มบุคคลต่างชาติเข้า-ออกประเทศ ป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติ ยันไม่กระทบท่องเที่ยว
วันนี้ (25 พ.ย.) พล.ต.ต.จตุรภัทร์ ภิรมย์แก้ว ผู้บังคับการกองการต่างประเทศ ในฐานะรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ยกระดับมาตรการคัดกรองและตรวจสอบบุคคลต่างชาติที่เดินทางเข้า–ออกประเทศไทยทุกช่องทาง ทั้งท่าอากาศยานนานาชาติ และด่านชายแดนทั่วประเทศ เพื่อสกัดกั้นไม่ให้ผู้ที่อาจแฝงตัวมาในรูปแบบนักท่องเที่ยวเข้ามาก่อเหตุอาชญากรรมหรือกระทำผิดกฎหมายภายในประเทศ
รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า มาตรการดังกล่าวเป็นมาตรการเชิงป้องกันที่ใช้กับบุคคลทุกสัญชาติอย่างเท่าเทียม ไม่มีการมุ่งเน้นตรวจสอบกลุ่มใดเป็นพิเศษ โดยยึดตามมาตรฐานสากลในการคัดกรองผู้ที่มีพฤติการณ์เสี่ยง เช่น การเข้า–ออก ที่มีความถี่ผิดปกติ การใช้วีซ่าไม่ตรงวัตถุประสงค์ หรือมีข้อมูลต้องสงสัยจากฐานข้อมูลตำรวจสากลและหน่วยข่าวกรองด้านความมั่นคง
ในส่วนมาตรการปฏิบัติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้กำชับให้ทุกด่านตรวจคนเข้าเมืองเพิ่มความละเอียดในการตรวจสอบ โดยใช้ระบบใช้ไบโอเมตริกซ์ (Biometric) และฐานข้อมูลระหว่างประเทศ เพื่อป้องกันการปลอมแปลงเอกสาร การลักลอบเข้าเมือง และการเดินทางของกลุ่มต้องสงสัยที่อาจเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ แรงงานผิดกฎหมาย อาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์ การฟอกเงิน และเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติรูปแบบใหม่ที่มีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้น
ทั้งนี้ แม้มาตรการจะมีความเข้มงวดมากขึ้น แต่ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกนายปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชน ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั่วไป โดยมุ่งสร้างความปลอดภัยและความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวทุกคน มาตรการทั้งหมดเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการยกระดับการป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติอย่างเป็นรูปธรรม ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับว่า ห้ามเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเรียกรับผลประโยชน์โดยเด็ดขาด หากพบการกระทำผิดจะดำเนินการทั้งทางอาญาและทางวินัยอย่างเฉียบขาด

