ศูนย์ข่าวศรีราชา-ส่อเค้าวุ่น!! เลือกตั้งประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ มี.ค.69 สมาชิกเก่าตั้งกำแพงต้านผู้บริหารบริษัทยักษ์จ่อลงสมัครชิงเก้าอี้ทั้งที่เพิ่งเป็นสมาชิกได้แค่ปีเดียว หวั่นทำวัฒนธรรมองค์กรเสีย -กำหนดนโยบายอวยบริษัทใหญ่ไม่สนใจยกระดับ SMEsไทย
จากกรณีที่มีการแชร์ข้อมูลในกรุ๊ปไลน์สมาชิกกลุ่มเคมี สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ สอท.) เกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่จะมีขึ้นในเดือน มี.ค. 69 หลังนายเกรียงไกร เธียรนุกูล บริหารงานจนครบวาระ 2ปี โดยได้ปรากฏชื่อตัวแทนจากบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งที่เสนอตัวเป็นหนึ่งใน Candidate ชิงเก้าอี้ประธาน สอท.กับสมาชิกที่ทำงานมานานนับสิบปี
จนสร้างความวิตกกังวลให้กับคณะกรรมการ และสมาชิก สอท.ที่ทราบข่าว เนื่องจากผู้สมัครรายนี้เพิ่งจะเข้ามาทำงานในสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้แค่เพียงสมัยแรก และยังนับเวลาทำงานไม่ถึงสองปี
โดยเนื้อหาตอนหนึ่งระบุว่า "สมาชิกกลุ่มเคมีทุกท่านก็คงเห็นเป็นประจักษ์ว่า ตลอดเกือบ 4ปีในสมัยของประธานเกรียงไกร ภายใต้ นโยบาย One FTI ได้สร้างปรากฏการณ์ที่ทำให้สังคมและภาครัฐได้เห็นความสำคัญของข้อเสนอที่มาจากสภาอุตสาหกรรม โดยเปลี่ยนภาพลักษณ์ของสภาอุตฯ จากผู้ที่เคยเอาแต่บ่นและมีแต่ขอโน่นขอนี่ มาเป็นร่วมขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ และทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับภาครัฐเพื่อช่วยแก้ปัญหาของประเทศชาติไปด้วยกัน
และเพื่อให้การดำเนินนโยบายที่ประธานเกรียงไกร ได้ทำไว้และให้มีการสานงานอย่างต่อเนื่อง จึงใคร่ขอให้สมาชิกกลุ่มเคมี ช่วยสนับสนุน รองประธานฯสถาบัน SMI ซึ่งมีประสบการณ์ทำงานให้สภาอุตฯอย่างยาวนาน และทำงานร่วมทีม เคียงบ่าเคียงไหล่กับประธานเกรียงไกรมาโดยตลอด ได้มีโอกาสสานต่อและต่อยอดนโยบายเพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเฉพาะต่อกิจการของSME. ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของสมาชิก สอท."
เนื้อหาบางตอนยังระบุอีกว่า นโยบายของผู้บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่ที่จะลงชิงเก้าอี้ประธานฯคนใหม่ ไม่มีความชัดเจนว่าจะทำอะไรที่แตกต่างจากนโยบายปัจจุบัน และไม่แน่ใจว่าจะช่วย SMEs จริงหรือไม่ เพราะอาจขาดทั้งประสบการณ์ และขาดความมีอิสระในการทำงาน เพราะแม้จะเกษียณในปี 2568 แต่ก็ยังได้รับเงินเดือนจากบริษัทที่เคยทำงานอยู่ จึงหวั่นว่าการออกนโยบายต่างๆ จะไม่มีความเป็นอิสระ
และหากต้องตัดสินใจในเรื่องที่ถูกต้องนั้น อาจจะมีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือขัดผลประโยชน์กับบริษัทที่ตัวเองเป็นลูกจ้างอยู่ ฯลฯ อีกทั้งตำแหน่งประธานสภาอุตฯในอดีตที่ผ่านมาแต่ละท่านต้องอุทิศเวลาทำงานให้กับสภาอุตฯ ใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองและผลงาน อย่างน้อย 10-20ปี ทั้งนั้น
วันนี้ ( 24 พ.ย.)ผู้สื่อข่าวยังได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าวในสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยว่า กระแสต้านผู้สมัครชิงเก้าอี้ประธาน สอท.ที่มาจากบริษัทยักษ์ใหญ่เริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ เพราะองค์กรแห่งนี้เป็นองค์กรธุรกิจที่มารวมตัวกันโดยไม่ได้มีการแสวงหาผลกำไร และที่ผ่านมาประธานคนเก่าที่ทำงานถึง 2วาระเป็นไปด้วยดี และมีการกำหนดนโยบายเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจ SMEs จนสามารสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับคนในประเทศ ควบคู่กับการได้มีสวัสดิการที่ดี
โดยตนเองขอเรียกร้อวให้บริษัทใหญ่แห่งนี้ เบรกผู้สมัครรายดังกล่าว แม้บริษัทฯแห่งนี้จะอ้างว่าไม่ได้ส่งผู้สมัครรายนี้ แต่เพราะเจ้าตัวลงสมัครรับเลือกตั้งเองเนื่องจากใกล้เกษียณอายุการทำงานแล้ว
" สภาอุตสาหกรรมฯ ไม่ได้ต้องการคนที่เกษียณอายุมาบริหาร แต่เราต้องการคนที่มีความตั้งใจและรู้จักวัฒนธรรมองค์กร และสิ่งที่พวกเราต้องการคือ การเข้ามาขององค์กรใหญ่ในรูปแบบการสนุนกิจกรรมของ สอท. มากกว่าการส่งคนของตัวเองเข้ามานั่งเก้าอี้ประธานสภาฯ เพราะปัญหาทางเศรษฐกิจที่ตกต่ำในตอนนี้คือ ภาคธุรกิจSMEs ที่ไม่ได้รับการเหลียวแล ขณะที่ธุรกิจใหญ่อย่างไรก็อยู่ได้ จึงควรที่จะเข้ามาเป็นพี่เลี้ยงและสนับสนุนภาคธุรกิจขนาดเล็กและSMEs ให้สามารถอยู่ได้ ไม่ใช่บริษัทส่งคนมาลงแข่ง เพราะอย่างไรบริษัทใหญ่ก็ไม่เข้าใจภาคธุรกิจขนาดเล็ก และอาจกำหนดนโยบายที่ทำให้เสียเปรียบองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ได้ เนื่องจากยังมีความสัมพันธ์อันดีกับองค์กรเก่า จนอาจทำให้เสียระบบของ สอท. "
แหล่งข่าวคนเดิม ยังบอกอีกว่าที่ผ่านมา สอท.เคยเจอประธาน สอท.ที่มาจากบริษัทใหญ่ และได้เข้ามากำหนดนโยบายที่ทำให้ภาคธุรกิจขนาดเล็กได้รับผลกระทบอย่างหนัก และในวันนี้เมื่อ สอท.สามารถฝ่าฝันปัญหาและอุปสรรคจนสามารถผลักดันนโยบายต่างๆในการดูแลภาคธุรกิจ SMEs จนประสบผลสำเร็จได้ดีในระดับหนึ่ง ก็ไม่อยากให้เหตุการณ์ใรอดีตหวลคืนกลับมาอีก
ที่สำคัญยังอยากให้การเลือกตั้งประธานสภาอุตสาหกรรมฯ ในครั้งที่จะถึงนี้ได้ลูกหม้อที่เคยทำงานกับสภาฯมานานได้สานงานต่อ เพื่อผลักดันเรื่องการกำหนดคุณสมบัติของผู้ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานฯที่จะต้องทำงานในสภาฯ มาอย่างน้อย 6ปีจึงจะลงเลือกตั้งได้

