เว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศเผยแพร่จดหมายด่วนจากนายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ส่งถึงประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) เพื่อแจ้งเหตุพัฒนาการเชิงลบและการยั่วยุต่อเนื่องจากกัมพูชาในพื้นที่ชายแดนไทย โดยไทยขอให้ UNSC เร่งรับทราบสถานการณ์และกดดันกัมพูชาให้ยุติพฤติกรรมที่ละเมิดอธิปไตยไทย ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งกระทรวงพาณิชย์ยืนยันว่าการเจรจาการค้าระหว่างไทย–สหรัฐฯ ยังคงเดินหน้าตามเดิม แม้สถานการณ์ชายแดนจะตึงเครียดขึ้นก็ตาม
.
สำหรับในหนังสือดังกล่าวที่ส่งถึงประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ได้ชี้แจงในสาระสำคัญว่า แม้เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 ไทยและกัมพูชาจะเพิ่งลงนามถ้อยแถลงผลการหารือที่กัวลาลัมเปอร์ ภายใต้การประสานของทั้งประธานอาเซียนและประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อยุติสถานการณ์ชายแดนอย่างสันติ แต่กัมพูชากลับมีพฤติกรรมที่ขัดต่อข้อตกลง โดยไทยได้ปฏิบัติตามถ้อยแถลงฯ อย่างครบถ้วน ทั้งการลดความตึงเครียด การตั้งคณะทำงานร่วมด้านเก็บกู้ทุ่นระเบิด (JCTF) การจัดทำ SOP และการกำหนดพื้นที่เก็บกู้ทุ่นระเบิดในจังหวัดสระแก้วซึ่งเห็นชอบร่วมกันแล้วทั้งหมด กระนั้นเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ทหารราบไทยจากกองร้อย 1161 ที่ลาดตระเวนในพื้นที่ตามปกติที่อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ กลับเหยียบทุ่นระเบิด PMN-2 ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเป็นทุ่นที่ถูกวางใหม่ ทำให้บาดเจ็บสาหัส 4 นาย หนึ่งนายต้องถูกตัดขา และตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาเกิดเหตุระเบิดรวมแล้วถึง 7 ครั้ง เสียหายอย่างต่อเนื่องจนทหารไทยพิการถาวร 7 นาย ไทยระบุว่านี่เป็นการละเมิดอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล รวมถึงกฎบัตรสหประชาชาติอย่างร้ายแรง
.
สถานการณ์กลับทวีความตึงเครียดมากขึ้นเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 เวลา 16.10 น. ทหารกัมพูชาจงใจยิงใส่ทหารไทยประจำการในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ภายในดินแดนของไทย ทำให้ทหารไทยจำเป็นต้องยิงเตือนเพื่อป้องกันตัวตามหลักสากล การยิงตอบโต้ยืดเยื้อถึง 16.15 น. โดยกัมพูชายิงรวมกว่า 30 นัด และยังมีเสียงปืนจากฝั่งกัมพูชาในช่วง 17.55 น. อีกประมาณ 5 นัด ซึ่งฝ่ายไทยไม่ได้ตอบโต้ ไทยประณามเหตุการณ์ดังกล่าวว่าเป็นการละเมิดอธิปไตยอย่างชัดเจน และระบุว่าสื่อกัมพูชาเผยแพร่ข้อมูลเท็จกล่าวหาว่าไทยเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ถือเป็นเจตนาบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อเบี่ยงประเด็นความผิดฝ่ายตนจากเหตุทุ่นระเบิดที่เพิ่งเกิดขึ้น
.
ด้วยเหตุเหล่านี้ ไทยจึงต้องระงับการปฏิบัติตามถ้อยแถลงฯ บางส่วนจนกว่าจะมั่นใจในความจริงใจของกัมพูชา แม้จะยังคงใช้ความอดกลั้นสูงสุดและยืนยันเดินหน้าองค์ประกอบสำคัญบางประการของความร่วมมือ ได้แก่ การเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมเพื่อปกป้องพลเรือน และการต่อสู้กับเครือข่ายหลอกลวงข้ามชาติ ไทยเรียกร้องประชาคมนานาชาติให้กดดันกัมพูชาให้ยุติการยั่วยุทั้งหมดโดยทันที และให้ UNSC เวียนจดหมายฉบับนี้แก่สมาชิกทุกประเทศเพื่อรับทราบสถานการณ์เร่งด่วน
.
ด้าน นางสาวโชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ยืนยันว่า การเจรจาการค้าต่างตอบแทนไทย–สหรัฐฯ ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีข่าวว่าฝ่ายสหรัฐฯ ระงับกระบวนการชั่วคราว โดยไทยยังได้รับสัญญาณเชิงบวกจากทั้งนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่าสหรัฐฯ ยังยึดมั่นเดตไลน์เดิมที่จะสรุปการเจรจาภายในสิ้นปี นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีพาณิชย์ได้ย้ำต่อผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ว่าเรื่องความมั่นคงและเรื่องการค้าต้องแยกออกจากกันอย่างชัดเจน โดยคณะทำงานยุทธศาสตร์ที่มีนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นหัวหน้า ยังคงเดินหน้าเตรียมข้อมูลและหารืออย่างเข้มข้นเพื่อให้ไทยพร้อมเจรจาทันทีหากสหรัฐฯ นัดหมาย โดยตั้งเป้าว่าการเจรจาจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้

