ท่ามกลางสถานการณ์ที่กำลังโถมใส่พรรคกล้าธรรมจากกรณีอายัดทรัพย์ นายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว ส.ส. สงขลา พรรคกล้าธรรม ซึ่งจากกรณีดังกล่าวทำให้พรรคกล้าธรรมได้ออกมาย้ำจุดยืนชัดเจนว่า การตรวจสอบต้องเป็นไปตามกฎหมายอย่างโปร่งใส พร้อมตั้งคำถามถึงสองมาตรฐานที่กำลังเกิดขึ้นในสภาผู้แทนราษฎร โดยในเรื่องนี้น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ประธานยุทธศาสตร์พรรคกล้าธรรม ระบุว่า พรรคกล้าธรรมยืนยันไม่แทรกแซง ไม่ปกป้อง และไม่ขัดขวางการตรวจสอบ พร้อมให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา
น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว่า ช่วง 2–3วันที่ผ่านมา ได้รับคำถามจากสื่อหลายสำนัก ทั้งเรื่องความรับผิดชอบของพรรคและข้อเรียกร้องให้ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯต้องลาออกหรือไม่ ซึ่งขอชี้แจงว่า ประเด็นนี้ ไม่ใช่เรื่องของพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่เป็นมาตรฐานเดียวกันของทั้งสภาผู้แทนราษฎร ประเทศไทยอยู่กับสองมาตรฐานมานาน และการใช้คดีของผู้อื่นสร้างประโยชน์ทางการเมืองเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น การยกระดับความเชื่อมั่นของสภา คือ สิ่งสำคัญที่สุด ซึ่งต้องเริ่มจากการตรวจสอบตนเองก่อน ก่อนจะกวาดบ้านให้คนอื่น เราต้องกวาดบ้านของตัวเองให้สะอาดก่อนเสมอ สีเขียวก็ไม่เอาสีเทา เช่นกัน
“ส.ส.ชนนพัฒฐ์ต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ผ่านกระบวนการยุติธรรม และพรรคจะไม่ปกป้องผู้กระทำผิด หากตรวจสอบแล้ว พบว่ามีความผิดก็ต้องรับผิด แต่หากเป็นผู้บริสุทธิ์ ก็ต้องคืนความเป็นธรรมให้เช่นเดียวกัน ทั้งหมดขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง และกระบวนการยุติธรรม ไม่มีการยกเว้นให้ใครทั้งนั้น”
น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวย้ำว่า พรรคกล้าธรรมขอยืนยันหลักการสำคัญ 3 ประการได้แก่1.ไม่เลือกปฏิบัติ ทุกคนต้องถูกตรวจสอบอย่างเท่าเทียม 2.เคารพกระบวนการยุติธรรม คำพิพากษาศาลชั้นต้นหรืออุทธรณ์คือข้อเท็จจริงตามกฎหมาย แม้คดียังไม่ถึงที่สุดก็ไม่ควรทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และ 3,นักการเมืองต้องเป็นตัวอย่างที่ดี หากจะเรียกร้องให้คนอื่นลาออก ก็ต้องใช้มาตรฐานเดียวกันกับตัวเอง
ด้านศูนย์สำรวจความคิดเห็น นิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง “กระแสการเมือง ภาคกลาง” ระหว่างวันที่ 10–13 พฤศจิกายน 2568 ครอบคลุม 17 จังหวัด พบว่า ร้อยละ 35.65 ระบุว่ายังหาบุคคลที่เหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้ ร้อยละ 19.60 ระบุว่าสนับสนุน นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ (พรรคประชาชน) ร้อยละ 12.75 สนับสนุนนายอนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย) ร้อยละ 9.15 สนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (พรรคประชาธิปัตย์) และร้อยละ 4.55 สนับสนุนนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ (พรรคเพื่อไทย) ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนภาคกลางยังไม่มั่นใจกับทางเลือกทางการเมืองในปัจจุบัน ท่ามกลางบรรยากาศทางการเมืองที่ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน