xs
xsm
sm
md
lg

สืบภาค 9 ตามจับแก๊งหลอกขายบ้านน็อกดาวน์ทางเฟซบุ๊กหลังผู้เสียหายแจ้งความทั่วประเทศ 17 คดี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ตำรวจชุดสืบสวนภาค 9 ตามจับแก๊งหลอกขายบ้านน็อกดาวน์คาที่นอน หลังผู้เสียหายแจ้งความทั่วประเทศ 17 คดี ความเสียหายกว่า 1.3 ล้านบาท เร่งล่าหัวหน้าแก๊ง “บังรูน” อ้างตัวเป็นอัยการ

วันนี้ (14 พ.ย.) ผู้เสียหายชาวอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เข้าร้องเรียน และขอความช่วยเหลือ จากพันตำรวจเอกสมพงษ์ สุวรรณวงศ์ รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 9 หลังถูกมิจฉาชีพหลอกขายบ้านน็อคดาวน์ ทำให้สูญเสียเงิน มากกว่า 110,000 บาท

ผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา ตนได้ค้นหาบ้านน็อกดาวน์ ที่ประกาศขายในเฟซบุ๊ก จากนั้น ก็ไปพบบ้านน็อกดาวน์หลังหนึ่ง ซึ่งประกาศขายอยู่ในกลุ่ม ซื้อ ขาย บ้านน็อกดาวน์ ภาคอีสาน โดยประกาศขายในราคา 90,000 บาท ซึ่งคนขายได้ระบุว่า เป็นบ้านมือสองแต่ยังไม่เคยผ่านการใช้งาน เนื่องจากเจ้าของได้ซื้อให้ลูกสาวแล้วไม่ชอบจึงประกาศขาย โดยบ้านหลังดังกล่าวถูกระบุว่าอยู่ที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งราคาบ้านน็อกดาวน์ในสภาพดังกล่าว ราคาตามท้องตลาดอยู่ที่ประมาณ 200,000 บาท แต่เมื่อตนเห็นประกาศขายเพียงราคา 90,000 บาทจึงมีความสนใจโทรศัพท์ไปสอบถาม


จากนั้นก็มีการโน้มน้าวให้ตนติดต่อผ่านแอพลิเคชันไลน์ ก่อนที่คนขายจะแจ้ง ว่ายังมีค่าขนส่ง โดยให้ตนติดต่อกับรถที่จะขนส่งด้วยตัวเอง ซึ่งตนก็ได้โทรศัพท์ไปสอบถาม คนขับรถขนส่ง ก็แจ้งว่าค่าขนส่ง 20,000 บาท ต้นจึงตัดสินใจโอนเงินให้คนขายทั้งหมด 110,000 บาท ซึ่งสาเหตุ ที่ไม่ได้มัดจำครึ่งหนึ่ง เพราะคนขายให้โอนเงินเต็มจำนวนที่ประกาศขายและค่าขนส่ง กระทั่งช่วงค่ำวันดังกล่าว หลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จก่อนที่จะเข้านอนก็ได้มาเปิดเพจที่ประกาศขายบ้านและดูคอมเม้นต์ของผู้ใช้เฟซบุ๊ก ทำให้รู้ว่า ตนถูกหลอกแล้ว

“ยอมรับว่าจังหวะนั้นเห็นราคาของที่ถูกแล้วเหมือนคนหน้ามืด จึงยอมโอนเงินหลักแสนบาท คิดว่า คนขายและคนที่อ้างว่าขับรถขนส่งนั้นอยู่ด้วยกันและเป็นแก๊งเดียวกัน และหลังรู้ตัวก็โทรศัพท์แจ้งสายด่วนหมายเลข 1441 ในทันที่ ก่อนแจ้งความที่ สภ.หาดใหญ่ เมื่อวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา ส่วนมิจฉาชีพที่ประกาศขายบ้านน็อกดาวน์ ช่วงแรกก็ยังโทรศัพท์ติดต่อได้แต่ระยะหลัง โทรศัพท์ไปหาหลายครั้งก็ไม่รับสาย

ทั้งนี้เหตุที่เกิดขึ้นกลายเป็นอุทาหรณ์ ในการสั่งซื้อสินค้าจากช่องทางออนไลน์ ซึ่งหากเป็นสินค้าที่มีขนาดใหญ่ และราคาแพง ก็ควรติดต่อให้คนที่รู้จักไปตรวจสอบสินค้าให้ละเอียด

ด้าน พันตำรวจเอก สมพงษ์ สุวรรณวงศ์ รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 9 เปิดเผยว่า มิจฉาชีพที่หลอกขายสินค้าผ่านทางเฟซบุ๊ก ยังคงมีต่อเนื่อง โดยเฉพาะบ้านน็อกดาวน์หลังนี้ถูกมิจฉาชีพนำไปหลอกขาย จนมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความแล้วที่สถานีตำรวจทั่วประเทศกว่า 7 คดี ซึ่งคาดว่ามิจฉาชีพรายนี้ได้เงินไปเป็นจำนวนมาก โดยเป็นการขายสินค้าที่ไม่มีอยู่จริง ทำให้เกิดความเสียหายขึ้น

ผู้ที่สนใจสินค้าที่มีราคาแพง ควรตรวจสอบว่าผู้ขายมีสินค้าจริงหรือไม่ และควรติดต่อกับผู้ขายได้ตลอด รวมทั้งมีการยืนยันจากเจ้าของหรือบริษัทขนาดใหญ่ หรือผู้ซื้อควรเดินทางไปดูด้วยตัวเองหรือให้คนรู้จักไปตรวจสอบสินค้าที่ตัวเองมีความสนใจ เพื่อป้องกันถูกมิจฉาชีพหลอกจนเสียหาย


จากการตรวจสอบหลังจากผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีของมิจฉาชีพ ไม่เกิน 10-15 นาที ก็พบว่ามีการส่งคนไปเบิกเงินจากบัญชีที่ร่วมกันกระทำความผิด ที่ธนาคารในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านร่มเกล้า กรุงเทพมหานคร

ทั้งนี้ทีมข่าวได้ทดลองโทรศัพท์ติดต่อไปยังคนที่ชื่อพ่อธีร์ โดยมีคนรับสาย แล้วทีมข่าวก็สอบถามรายละเอียดของตัวบ้าน ให้ติดต่อทางแอพลิเคชันไลน์ เพื่อส่งรายละเอียดทั้งหมดให้ เมื่อสอบถามว่าบ้านน็อกดาวน์หลังนี้อยู่ที่ใดปลายสายก็ตอบว่า อยู่ที่อำเภอปากช่อง ซึ่งปลายสาย ก็แจ้งให้สอบถามจากคนขับรถขนส่งเอง เพื่อตรวจสอบค่าขนย้าย และเมื่อขอลดราคาของตัวบ้านปลายสายก็ยังทยอยให้เดินทางไปดูตัวบ้าน ก่อนขอลดราคา ทั้งนี้ช่วงดังกล่าวมีเสียงแทรกพูดมาว่ายังไม่ทันได้ดูของแต่ต่อราคาแล้ว

จากนั้นก็ติดต่อกันทาง แอพลิเคชันไลน์ แล้วมีการส่งรายละเอียดตัวบ้าน และ เบอร์โทรศัพท์ของคน ขับรถขนส่ง ชื่อช่างวีระ และเมื่อโทรศัพท์สอบถามช่างวีระ คนขับรถขนส่งบ้านน็อคดาวน์หลังนี้ ก็แจ้งระยะทางจากอำเภอปากช่องถึงอำเภอหาดใหญ่ คิดราคา 30,000 บาท แล้วบอกว่า เคยเดินทางไปส่งบ้านน็อกดาวน์หลายหลังแล้วในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ และยังบอกว่าบอกว่าบ้านหลังนี้เป็นของ "ท่านอัยการธีร์" ที่ได้ซื้อต่อจากตนไปเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา แต่ลูกสาว "ท่านอัยการธีร์" ไม่ชอบ จึงขายในราคาถูก

และขอให้ผู้ที่ติดต่อซื้อจัดการเรื่องตัวบ้านให้ได้เพราะขณะนี้มีคนสนใจบ้านน็อกดาวน์หลังนี้มาก แล้วยังบอกว่าตนมีร้านที่ขายบ้านไม้อีก 6 สาขา ชื่อจันยาค้าไม้ อยู่ในโซนภาคกลางและภาคอีสาน

ล่าสุด เช้าวันนี้ (14 พ.ย.68) พ.ต.อ.สมพงษ์ สุวรรณวงค์ รอง ผบก.สส.ภ.9 นำกำลังตำรวจชุดสืบสวน ตำรวจภูธรภาค 9 ประสานงาน ตำรวจชุดสืบสวน สน.ร่มเกล้า ไปจับกุม นายอดิศร กลิ่นชื่นบาน อายุ 19 ปี ที่บ้านภายในซอย เคหะร่มเกล้า 1/3 แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสงขลา


พร้อมควบคุมตัวเพื่อนร่วมขบวนการ ประกอบด้วย นายณัฐวุฒิ อายุ 19 ปี นาย อดิเทพ อายุ 19 ปี นาย นายวศิน อายุ 21 ปี และ นาย ปราวี หรือ ฟลุ๊ค อายุ 18 ปี ก่อนนำตัวไปสอบสวนเบื้องต้นที่ สน.ร่มเกล้า ซึ่งนายณัฐวุฒิ นายอดิเทพ นายวศิน และนายปราวี ก็ยอมรับว่า ร่วมขบวนการไปเบิกเงินจากธนาคารจริง ซึ่งนายปราวีเป็นผู้ที่ทำหน้าที่หาบัญชี และรวบรวมเงินจากการหลอกลวง ส่งมอบให้นายศุภชัย หรือ เกมส์ อายุ 22 ปี กับนาย ฟอร์ต อายุ 23 ปี เพื่อไปส่งมอบให้หัวหน้าขบวนการชื่อ บังรูน อายุ 30 ปี อยู่ในพื้นที่เขตหนอกจอก กทม. และเป็นคนที่อ้างว่าเป็น อัยการ ซึ่งนายฟลุ๊คก็บอกว่าบางครั้งหากไม่ได้เงิน ก็จะถูกนายเกมและนายฟอร์ต ทำร้ายร่างกายด้วย

จากการสอบสวน ผู้ต้องหาทั้งหมดโพสต์หลอกขายสินค้าแล้วชักชวนเพื่อนร่วมขบวนการมาเปิดบัญชี เพื่อรับโอนเงินที่ได้จากการหลอกลวง รวมผู้เสียหายที่แจ้งความที่สถานีตำรวจ ส่วนใหญ่ในพื้นที่ภาคอีสาน ภาคกลาง และ ภาคใต้ มากกว่า 17 คดี ความเสียหายกว่า 1,344,000 บาท

นาย ปราวี จันทร์จาด หรือ ฟลุ๊ค ให้การว่า คนรู้จักได้มาหาบัญชีให้ใช้รับเงินที่ตนก็ไม่รู้ว่าโอนมาจากใคร โดยตนก็ไปหาบัญชีของรุ่นน้องที่ถูกจับกุม และเมื่อคนถูกโอนเข้าบัญชีของใคร ก็จะให้คนนั้นไปเบิกเงินจากธนาคาร แล้วนำไปให้บังรูน โดยแต่ละครั้งจะได้ค่าตอบแทนไม่เท่ากัน ประมาณ 3,000-4,000 บาท หรือบางครั้งก็พาไปกินข้าว

ทั้งนี้หลังสอบสวน ก็นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่ง พนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ดำเนินคดีตามกฎหมาย และเร่งติดตาม “บังรูน” หัวหน้าแก๊งที่ถูกซัดทอดว่าเป็นคนสั่งให้ผู้ต้องหาไปเบิกเงินที่หลอกผู้เสียหายมาได้ จากธนาคาร
กำลังโหลดความคิดเห็น