อันวาร์แจงแค่คนกลาง เจรจาสันติภาพไทย-กัมพูชา อำนวยความสะดวกแต่ไม่ได้บงการ

นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย แจงที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร บทบาทในการเจรจาสันติภาพไทย-กัมพูชา แค่อำนวยความสะดวก ไม่ได้กดดันฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เผยนายกฯ อนุทินไม่เคยตั้งคำถามถึงบทบาท แต่ขอให้กัมพูชาปฎิบัติตามเงื่อนไข ยืนยันยังเป็นกาวใจ ในฐานะประธานอาเซียนถึงสิ้นปีนี้

วันนี้ (11 พ.ย.) สำนักข่าวแห่งชาติเบอร์นามา (BERNAMA) ของมาเลเซีย รายงานว่า นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนปี 2025 กล่าวตอบคำถามนายชาฮิดาน กัสซิม สมาชิกรัฐสภา เมืองอาราว รัฐปะลิส จากพรรคอิสลามมาเลเซีย หรือพรรคพาส (PAS) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมาเลเซีย หรือ เดวัน รักยัต (Dewan Rakyat) ว่า บทบาทของมาเลเซียในการเจรจาสันติภาพระหว่างประเทศไทยและกัมพูชานั้นจำกัดอยู่เพียงการประสานงานและการอำนวยความสะดวก โดยไม่มีการกำหนดเงื่อนไขใดๆ ตนย้ำว่ามาเลเซียไม่เคยกดดันฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในระหว่างกระบวนการสันติภาพ แต่ทำหน้าที่เป็นเพียงผู้ไกล่เกลี่ยเพื่อให้มั่นใจว่ามีการเจรจาที่สร้างสรรค์

"เราแค่ประสานงานเท่านั้น ผมยังจำได้ว่าตอนที่ผมพานายกรัฐมนตรีของทั้งสองประเทศมาพบกัน ผมบอกพวกเขาว่า ท่านเป็นคนตัดสินใจเงื่อนไข ผมมาที่นี่เพื่อช่วยประสานงานและส่งเสริมสันติภาพเท่านั้น" นายอันวาร์ กล่าว และว่า ขอบเขตของการเจรจาสันติภาพถูกกำหนดโดยประเทศไทยและกัมพูชาทั้งหมด ไม่ใช่โดยมาเลเซีย ขอบเขตของการเจรจาสันติภาพถูกกำหนดโดยประเทศไทยและกัมพูชาทั้งหมด ไม่ใช่โดยมาเลเซีย

นายอันวาร์ยังตอบคำถามนายชาฮิดาน ที่สอบถามว่ามาเลเซียจัดการกับคำวิจารณ์เกี่ยวกับการเจรจาสันติภาพจากบางฝ่ายอย่างไร ว่า การวิพากษ์วิจารณ์บทบาทของมาเลเซีย ในการเป็นคนกลางเจรจาสันติภาพระหว่างไทยและกัมพูชา ควรถูกมองในบริบทของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย เนื่องจากมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันอยู่ในทุกประเทศ

"ในมาเลเซีย เราลงนามในข้อตกลงแล้ว บางคนก็ยังไม่เห็นด้วย เรื่องเดียวกันนี้ก็เกิดขึ้นในประเทศไทย ผมเจรจากับนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลที่นั่น ถ้าอดีตนายทหารไทยคนหนึ่ง คือ รังษี กิติญาณทรัพย์ แสดงการคัดค้าน มันก็ไม่เป็นไร นั่นเป็นสิทธิของเขา" นายอันวาร์กล่าว (เป็นการตอบโต้ พล.อ.รังษี หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจ ที่กล่าวหาว่านายอันวาร์ทรยศ เป็นไส้ศึก และเป็นสายลับให้กับสหรัฐอเมริกา ผ่านรายการโทรทัศน์ในประเทศไทยก่อนหน้านี้)

นายอันวาร์เน้นย้ำว่า แม้จะมีการวิพากษ์วิจารณ์จากบางฝ่าย แต่ทั้งประเทศไทยและกัมพูชายังคงเชื่อมั่นในบทบาทที่เป็นกลางของมาเลเซียในการส่งเสริมสันติภาพในภูมิภาค ความสำเร็จของมาเลเซียบางครั้งก็นำมาซึ่งความอิจฉา บางคนไม่สบายใจที่เห็นประเทศเล็ก ๆ อย่างเราได้รับความสนใจจากทั่วโลก

นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย อธิบายว่าว่า ความตึงเครียดในปัจจุบันเกิดจากเหตุระเบิดจากทุ่นระเบิดเมื่อเร็ว ๆ นี้ในพื้นที่ที่ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับกองกำลังกัมพูชา ซึ่งทำให้ประเทศไทยชะลอการอนุมัติข้อตกลงบางฉบับเพื่อรอการชี้แจง แต่กระบวนการสันติภาพก็ยังไม่ตกอยู่ในความเสี่ยง

"นายกรัฐมนตรีไทย (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) ไม่เคยตั้งคำถามถึงบทบาทของเราเลย เขาเพียงแต่ขอให้กัมพูชาปฏิบัติตามเงื่อนไขของสันติภาพอย่างสมบูรณ์" นายอันวาร์ กล่าว

ด้วยเหตุนี้ นายอันวาร์กล่าวว่าเขาได้สั่งการให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของมาเลเซีย รับฟังรายงาน และกลับมาหารือเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าว

นายกรัฐมนตรีมาเลเซียกล่าวว่า มาเลเซียยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างความมั่นใจในสันติภาพของภูมิภาค เนื่องจากความตึงเครียดในภูมิภาคก็จะส่งผลกระทบต่อประเทศด้วย พร้อมเน้นย้ำว่าความรับผิดชอบนี้จะยังคงอยู่ตราบใดที่มาเลเซียยังคงดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนจนถึงสิ้นปี 2025

"ผมสวดขอสันติภาพ การที่ปรารถนาให้เกิดความขัดแย้งเพียงเพื่อพิสูจน์ว่านายกรัฐมนตรีมาเลเซียล้มเหลวนั้น เป็นทัศนคติที่สร้างความเสียหาย ถ้าพวกเขาต่อสู้กัน มันก็จะส่งผลกระทบต่อเราด้วย และในฐานะประธานอาเซียน ผมยังคงติดต่อกับทั้งสองฝ่าย" เขากล่าว

เมื่อวันที่ 26 ต.ค. กัมพูชาและไทยได้ลงนามในข้อตกลงสันติภาพที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยมีนายอันวาร์และประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นพยาน ก่อนหน้านี้ทั้งสองประเทศได้ตกลงที่จะหยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไขเมื่อวันที่ 28 ก.ค. ภายหลังความตึงเครียดตามแนวชายแดนหลายสัปดาห์และการประชุมสามฝ่ายที่จัดโดยนายอันวาร์