ราคาน้ำมันขยับขึ้นเล็กน้อยในวันจันทร์(10พ.ย.) จากปัจจัยที่ผสมผสานระหว่างความกังวลอุปทานล้นตลาด และความหวังภาวะชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯสิ้นสุดลง ปัจจัยนี้หลังนี้ผลักให้วอลล์สตรีทปิดบวก ขณะที่ทองคำดีดตัวแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 38 เซนต์ ปิดที่ 60.13 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 43 เซนต์ ปิดที่ 64.06 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
น้ำมันยังคงถูกกดดันจากความคาดหมายอุปทานจะล้นความต้องการในช่วงหลายเดือนข้างหน้า สืบเนื่องจากการปรับเพิ่มกำลังผลิตของโอเปกพลัสและกำลังผลิตแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของอเมริกา
ขณะเดียวกันข้อสงสัยเกี่ยวกับประสิทธิผลของมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯล่าสุดที่กำหนดเล่นงานรัสเซีย ก็เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาน้ำมันเช่นกัน
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดบวกในวันจันทร์(10พ.ย.) ได้แรงหนุนจากเอ็นวิเดีย และบรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์(เอไอ) ตามหลังมีความคืบหน้าในวอชิงตัน เกี่ยวกับการยุติภาวะชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบาลครั้งที่ยาวนานที่่สุดในประวัติศาสตร์
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 381.53 จุด (0.81 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 47,368.63 เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 103.63 จุด (1.54 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 6,832.43 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 522.64 จุด (2.27 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 23,527.17 จุด
ภาวะชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบาลครั้งยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ อาจยุติลงในสัปดาห์นี้ หลังมีการประนีประนอมที่เคลียร์อุปสรรคในเบื้องต้นในวุฒิสภาในวันอาทิตย์(9พ.ย.) สำหรับกลับมาป้อนงบประมาณกลาง อย่างไรก็ตามยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าสภาคองเกรสจะอนุมัติในขั้นสุดท้ายหรือไม่
ส่วนราคาทองคำดีดตัวขึ้น 3% ในวันจันทร์(10พ.ย.) แตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 สัปดาห์ ข้อมูลที่อ่อนแอของสหรัฐฯ เพิ่มแรงคาดการณ์ว่าธนาคารกลางอเมริกา(เฟด) จะปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม โดยราคาทองคำโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 111.20 ดอลลาร์ หรือ 2.72% ปิดที่ 4,122.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา:รอยเตอร์)

