แก้รัฐธรรมนูญเดินหน้าต่อ พรรคประชาชนขีดเส้นตายรัฐบาล ย้ำเงื่อนไขแก้กฎหมายและยุบสภา หากไม่ทำตามข้อตกลงพร้อมยื่นซักฟอกทันที ด้าน กมธ.มั่นใจประชุมนัดหน้าไม่ล่มแน่นอน
ปัจจัยสำคัญที่จะเป็นกำหนดเสถียรภาพของรัฐบาลนอกเหนือไปจากการเรื่องการทำงานแล้ว ความไม่ลงรอยกันในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็เป็นอีกปัจจัยที่มีผลไม่แพ้กัน โดยเมื่อสัปดาห์ท่ผ่านมาการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่…) พ.ศ. …. รัฐสภา ไม่สามารถประชุมเพื่อลงมติสำคัญได้เนื่องจากองค์ประชุมไม่ครบ
ในเรื่องนี นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธาน กมธ. เปิดเผย การประชุมคณะกมธ.ในวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่ กมธ. จะต้องตัดสินใจเลือกรูปแบบการจัดทำรัฐธรรมนูญให้ได้ โดยมั่นใจว่าองค์ประชุมจะครบถ้วน และ กมธ. ทุกฝ่ายมีเจตนารมณ์ร่วมกันในการปลดล็อกเพื่อเปิดทางสู่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แม้กระบวนการอาจต้องขยับระยะเวลาออกไปเล็กน้อย แต่จะแล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายนตามกรอบที่ตั้งไว้แน่นอน
สำหรับประเด็นที่สมาชิกวุฒิสภายังมีความกังวลเรื่องที่มาของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) นั้น นายณัฐวุฒิ ระบุว่า กมธ. ได้พิจารณาและหารืออย่างรอบด้าน เพื่อหลีกเลี่ยงทุกความเสี่ยงที่อาจขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ หรือกลายเป็นช่องทางให้เกิดการร้องเรียนในภายหลัง โดยทุกฝ่ายเห็นพ้องว่าต้องปิดช่องโหว่ทั้งหมดเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมั่นคงและไม่สะดุด
เมื่อถูกถามถึงความมั่นใจว่าองค์ประชุมจะไม่ล่มอีกในวันที่ 12 พฤศจิกายน นายณัฐวุฒิกล่าวอย่างหนักแน่นว่า เชื่อมั่นในความพร้อมของ กมธ. ทุกคน หลังมีการพูดคุยและทำความเข้าใจกันนอกรอบมากขึ้น และยืนยันว่าไม่มีใครต้องการขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะทุกฝ่ายมีเป้าหมายเดียวกันคือการเปิดทางให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ส่วนการเปิดประชุมสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญนั้น นายณัฐวุฒิ แสดงความคิดเห็นว่า เป็นอำนาจของรัฐบาลและรัฐสภา ไม่ใช่ของ กมธ. โดยคณะกรรมาธิการจะเร่งทำงานให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อส่งต่อให้รัฐบาลพิจารณา หากจำเป็นต้องเปิดสมัยประชุมพิเศษ อาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนหรือต้นเดือนธันวาคม และขอย้ำว่า กมธ. ไม่มีความขัดแย้งภายใน และไม่ได้นำประเด็นทางการเมือง เช่น การยุบสภา หรือการใช้รัฐธรรมนูญเป็นเงื่อนไขในการทำงาน
ขณะเดียวกัน นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน (ปชน.) ได้โพสต์ข้อความผ่านแฟนเพจ “พริษฐ์ วัชรสินธุ – ไอติม” ย้ำถึงจุดยืนของพรรคประชาชนในฐานะฝ่ายค้าน ว่าพรรคพร้อมใช้ทุกกลไกของสภาในการตรวจสอบและกำกับการทำงานของรัฐบาลอนุทิน รวมถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพื่อให้รัฐบาลปฏิบัติตามข้อตกลงทางการเมือง (MOA) ที่ได้ตกลงไว้
นายพริษฐ์ ระบุว่า เหตุผลที่พรรคประชาชนตัดสินใจทำข้อตกลง MOA เพื่อให้เกิดรัฐบาลเสียงข้างน้อยก็เพื่อให้ฝ่ายค้านมีเครื่องมือสำคัญในการตรวจสอบรัฐบาล และกดดันให้ปฏิบัติตามพันธสัญญา ทั้งเรื่องการ ยุบสภาภายใน 4 เดือน และการ แก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 15/1 เพื่อเปิดทางสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยกำหนดชัดว่า หากรัฐบาลไม่ดำเนินการยุบสภาภายในวันที่ 31 มกราคม 2569 หรือหากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ผ่านความเห็นชอบภายในสิ้นปี 2568 พรรคประชาชนจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจทันที