KMA แบรนด์เครื่องสำอางไทย 30 ปี เผชิญวิกฤตหลัง อย. แจ้งตรวจพบ 'สารปรอท' ในสินค้า แม้บริษัทยืนยันความปลอดภัยด้วยผลตรวจจากแล็บมาตรฐานสากล 2 แห่ง และผลยืนยันจากโรงงานผู้ผลิตเกรดโลก แต่ทาง อย. ปฏิเสธการให้ข้อมูลวิธีตรวจและไม่อนุญาตให้บริษัทส่งตรวจซ้ำที่กรมวิทย์ ต่อมา อย. ออกข่าว 'เตือนภัย' ซ้ำ สร้างความเสียหายหนักต่อภาพลักษณ์และยอดขาย ทางบริษัทต้องเร่งชี้แจงต่อสื่อและอินฟลูเอนเซอร์ พร้อมเก็บสินค้าที่ถูกกล่าวหาออกจากตลาด และต้องทำลายสินค้าแม้มีหลักฐานครบถ้วนว่าปลอดภัย สะท้อนปัญหาที่ผู้ประกอบการมาตรฐานสูงต้องเผชิญในการทำงานร่วมกับหน่วยงานรัฐ ท่ามกลางความพยายามมุ่งสู่ Net Zero และการต่อต้านคอร์รัปชัน (CAC Certified) ของบริษัท
จากกรณี สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ประกาศผลตรวจสอบ “ยาดมผสมสมุนไพร ตราหงส์ไทย สูตร 2” เลขทะเบียน G 309/62 พบไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด หลังตรวจพบเชื้อจุลินทรีย์ปนเปื้อนหลายชนิด เตือนประชาชนหยุดใช้ทันที พร้อมดำเนินการตามกฎหมายต่อผู้ผลิต ตามที่ได้เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 1 พ.ย. ผู้ใช้เฟซบุ๊ก "Teerada Noi Ambhanwong" ออกมาโพสต์ข้อความเล่าประสบการณ์ KMA Cosmetics เจอเหตุการณ์ที่ อย. แจ้งว่าตรวจพบ สารปรอท ในผลิตภัณฑ์ โดยผู้โพสต์ได้ระบุข้อความว่า
"อยากจะขอเกาะกระแสเล่าเรื่อง เกี่ยวกับ อย ที่ ผู้ประกอบการอย่างเราเจอ
KMA cosmetics เครื่องสำอางค์ แบรนด์ไทย จัดจำหน่ายโดยบริษัทโอซีซี จำกัด (มหาชน) ที่อยู่ในตลาดไทยมากว่า 30 ปี ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าที่ผลิตจากโรงงานในเครือสหพัฒน์ แต่จะมีบางสินค้าที่ผลิตจากเกาหลี เยอรมัน หรือ จีน โดยบริษัทโอซีซีมีการคัดเลือกโรงงานที่จะสั่งผลิตสินค้า ทุกโรงงานที่เราเลือกใช้ ต้องได้รับการ certified GMCCP, ISO รวมถึงการ certified ตามมาตรฐานอื่นๆระดับสากลที่เชื่อถือได้ สิ่งที่เราเน้นย้ำกับบริษัทโอซีซีเสมอ คือ ความปลอดภัยของลูกค้า และคุณภาพของสินค้า เป็นสิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก ดังนั้น การเลือกโรงงานผู้ผลิต ต้องเลือกโรงงานที่มีมาตรฐานระดับสากลเท่านั้น เราไม่ยอมลดคุณภาพของสินค้า ต่อให้จะเป็นการประหยัดต้นทุนก็ตาม
เมื่อเดือนเมษายนปีนี้ บริษัทได้รับแจ้งมาจาก อย. ว่าตรวจพบสารปรอทโดยกองด่าน กรมศุลกากรตอนนำสินค้าเข้า ในสินค้า KMA Multi face stick สี Pink Aurora ซึ่งเป็นสินค้าที่ผลิตมาจากโรงงานในประเทศจีน ทาง อย.แจ้งว่า เป็นการตรวจสอบโดยกรมวิทย์ สำหรับสินค้านี้ มี 3 สี แต่ตรวจเจอแค่สีเดียว ตามที่ได้รับแจ้ง โดยทาง อย. ไม่ได้มีการกล่าวถึงอีก 2 สี เมื่อได้รับแจ้ง ทางบริษัทรีบเก็บสินค้าทั้งหมดกลับทันที รวมถึงได้ดำเนินการต่างๆ ด้วยความเป็นห่วงความปลอดภัยของผู้บริโภค ดังนี้
• ส่งตรวจซ้ำ 2 Lab ทั้ง 3 สี … ไม่เจอ ว่ามีสารปรอท และ โลหะหนักใด ๆ ทั้งสี pink aurora และอีก สองสี
• ติดต่อไปที่ โรงงานที่ผลิต … โรงงานส่งผลยืนยัน ซึ่งระบุว่า ทุกๆ กระบวนการผลิตของโรงงานมีผลการตรวจสอบว่าไม่มีสารปนเปื้อนที่ก่ออันตราย เช่น สารปรอท หรือโลหะหนัก ทั้งนี้ มีการตรวจสอบทั้ง ingredient และแหล่งที่มาทั้งหมดมีเอกสารยืนยันอย่างละเอียด นอกจากนี้ ยังมีผลการตรวจสอบในกระบวนการขนส่ง ว่าไม่มีการผิดพลาดที่อาจทำให้เกิดการปนเปื้อนได้ ทางโรงงานเองตกใจว่าการได้ผลจาก อย. แบบนี้ สร้างความเสียหายกับโรงงาน เพราะเป็นโรงงานที่รับผลิตสินค้าให้กับแบรนด์มีชื่อเสียงทั่วโลกตอนแรกทางโรงงานจะฟ้องทาง อย. ไทย เพื่อปกป้องชื่อเสียง แต่เราก็คุยกับโรงงานว่า หากมีการฟ้องร้องกับ อย. อาจส่งผลให้การทำงานในอนาคตมีปัญหา ขอให้เราได้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกับทาง อย. ดูก่อน
• ทางทีม OCC ต้องการความชัดเจนเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค หากมีผลจากทาง อย. เราจะได้รีบแก้ไขและดำเนินการตรวจสอบกับทางโรงงาน จึงขอเอกสารที่ตรวจเจอสารปรอท แต่ ทางอย. ปฏิเสธไม่ให้เราดูผล
• ทางทีมจึงสอบถามว่า ใช้วิธีไหนในการตรวจ เพราะเราต้องการตรวจซ้ำในวิธีเดียวกันจะได้เอาผลมายันกัน แต่ทาง อย. ก็ไม่ให้คำตอบในส่วนนี้
• เราขอส่งตรวจซ้ำที่กรมวิทย์ แต่ไม่ได้รับอนุญาต เพราะถ้าผลออกมาไม่ตรงกัน จะเป็นการ discredit ทั้ง อย. และ กรมวิทย์
• ทางทีมนำหลักฐาน ผลตรวจทั้งหมด เข้าไปอธิบายให้ทาง อย. รับทราบ จนมีเจ้าหน้าที่บอกว่าผลตรวจครบถ้วน สินค้ามีความปลอดภัย แต่ไม่สามารถให้เอกสารใดๆ รับรองให้ได้
ณ ตอนนี้ ความเสียหายของบริษัทคือเก็บกลับสินค้า SKU ที่ตรวจเจอ แม้ว่าหลักฐานและผลตรวจในมืออย่างละเอียดยืนยันสินค้าทั้งหมดของเราปลอดภัยแน่นอน
แต่ยังมีเรื่องที่สร้างความเสียหายอย่างหนักต่อมา….
เดือนกันยายน ที่ผ่านมา จู่ๆ อย. ออกข่าว ลงใน เพจ สภาองค์กรของผู้บริโภค และในสื่อของ อย. ว่า “เตือนภัย พบสารปรอทในเครื่องสำอางค์ KMA Multiface Stick ล็อตผลิต BP240103B” ผู้บริโภคที่อ่านเจอ ก็มีคอมเม้นต์โจมตีผู้ประกอบการ เพราะทุกท่านไม่ได้ทราบเหตุการณ์จริงๆ ก็ต้องเชื่อข่าวจาก อย. และกรมวิทย์ อยู่แล้ว มี influencers หลายท่านช่วยกันออกคลิปแจ้งเตือนผู้บริโภค ..ทางทีมตกใจเพราะเราชี้แจงพร้อมหลักฐานทุกอย่างไปแล้ว หากมีอะไรที่ยังตกหล่นหรือมีช่องโหว่ตรงไหน อย.ควรจะแจ้งเรา เพื่อเราจะได้รีบตรวจสอบและชี้แจงเพิ่มเติม
ทางทีมรีบคุยกันหาทางเพื่อทำให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด ได้มีการปรึกษา และเล่าให้สื่อฟัง และ ให้ทีมประชาสัมพันธ์ถือเอกสาร นัดขอไปชี้แจงให้หมอที่เป็น influencers ที่ให้ข่าวเรื่อง KMA จะบอกว่า 100% ของท่าน influ. ที่ทีมเข้าไปชี้แจง เห็นในรายละเอียดซึ่งครบถ้วนทุกอย่างก็เชื่อข้อมูลของเรา บางท่านน่ารักมาก ออก คลิปชี้แจงในสิ่งที่เราประสบเพื่อเป็นการแก้ข่าวให้เรา ขณะเดียวกัน นึกถึงเพื่อนเซนต์โยท่านนึง คือ บี๋ ที่เป็นคณะบดีเภสัชจุฬาฯ ว่าเราอยากส่งสินค้าไปตรวจแลปของจุฬาฯ น่าจะเป็นที่รู้จักมากกว่า แลปที่บริษัทใช้ ก็ได้คำตอบมาว่า จุฬาฯ ไม่มีแลปเอง แต่ได้ให้ชื่อแลปที่เชื่อถือได้ในการตรวจสอบหา
สารโลหะหนัก ซึ่งก็คือแลปที่เราใช้อยู่แล้ว เพราะที่ผ่านมา เราเลือกเพียงแลปที่มีมาตรฐานเท่านั้น
ทีมงานได้ โพสต์ ชี้แจงเหตุการณ์ และแสดงหลักฐานว่าสินค้าของเราปลอดภัยใน เพจของ KMA และ บางสื่อให้โอกาสทีมประชาสัมพันธ์เข้าไปชี้แจงให้ข่าว (ต้องขอขอบพระคุณมา ณ ที่นี้ค่ะ)
สุดท้ายนี้ต้องขอบพระคุณคุณลูกค้าที่น่ารักมาก ๆ เพราะมีหลายท่าน มาโพสต์ให้กำลังใจ และเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ของ KMA ท่านที่เป็นสายวิทย์ ยังโพสต์สนับสนุนว่า แลป ที่เราใช้น่าเชื่อถือมาก แม้แต่ลูกค้าที่ใช้ KMA MultiFacial Stick ก็ยังบอกว่า จะใช้ต่อไป เพราะมั่นใจในสินค้า และ บริษัท
สิ่งที่ทาง อย ได้ช่วยเรามากที่สุดคือ ออกจดหมาย รับรองว่า ทางบริษัทได้เก็บสินค้าที่ว่านี้ออกจากตลาดแล้ว .. แค่นั้น
ทั้งนี้ ทาง อย ไม่ทราบหรอกว่า สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องเจอ มันหนักหนาสาหัสมากแค่ไหน เราสูญเสียยอดขาย ไม่ใช่เฉพาะ สินค้าตัวที่ตกเป็นเหยื่อ ผู้บริโภคอาจจะหยุดซื้อทั้งแบรนด์ เพราะท่านลงข่าวว่า สินค้าจาก KMA จากบริษัท โอซีซี จำกัด (มหาชน) เราสร้างชื่อเสียง สร้างแบรนด์มามากกว่า 30 ปี สินค้าที่ว่าเป็นเหยื่อนี้ ท่านเองก็ได้ตรวจสอบ ก่อนเราจะออกจำหน่ายแล้วด้วย เลขที่จดแจ้งก็มี ต่อไปท่านจะจับสินค้าตัวไหนของเรา มาออกข่าว แบบนี้อีกไม๊ หลอนจริง ๆ
นอกจากนี้ เราต้องส่งทำลายสินค้าที่ท่านได้ตีตราว่า มีสารปรอทนี้ แล้วรู้ไม๊ว่า การทำลายสินค้านั้น คือการเผา มากกว่าสิ่งที่เราคิดว่า การเผาสินค้าดี ๆ เหมือนเอาเงินไปเผา สิ่งที่เกิดจากกระบวนการเผา คือ มลภาวะ ที่เรากำลังสร้างขึ้นโดยคำตัดสินของท่าน เราไม่สามารถบริจาค หรือ เอามาแจกได้ เพราะ การทำลายสินค้า จะต้อง เชิญพยานจากสรรพากรมาตรวจเชค ว่าสินค้าถูกทำลายจริง ไม่ได้เอาไปแอบขายเอากำไรแล้วไม่รายงานรายได้
ขณะที่เรากำลังพยายามให้บริษัทเป็น net zero ไม่สร้างคาร์บอน เป็น zero waste เข้า ESG Program ของตลาดหลักทรัพย์ เรากลับต้องเป็นผู้สร้างผลภาวะอย่างมหาศาลซะเอง เจอเหตุการณ์แบบนี้ทีมงานเสียกำลังใจสุด ๆ
ก่อนจะจบ ด้วยความภูมิใจ ขอประกาศว่า บริษัท โอซีซี จำกัด (มหาชน) เป็นองค์กรที่เข้าโปรแกรมต่อต้านคอร์รับชั่น และเราได้ CAC Certificate คือ ใบรับรองที่ออกให้โดยแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (Thai Private Sector Collective Action Against Corruption)
ทั้งนี้ ได้อ่านข้อความที่โพสต์ โดย เพจ Pana Thongmeearkorn ได้ Capture มาแปะไว้ในภาพ ลองอ่านดูค่ะ เห็นด้วยกับท่านพนา 100%
ข้อมูลอ้างอิง
-แลปที่ใช้ตรวจสอบซ้ำ คือ ALS Laboratory Group (Thailand) และ Bureau Veritas Shenzhen Co., Ltd ซึ่งทั้งสองได้รับการรับรองมาตรฐานสากลตามมาตรฐาน ISO17025
• เลขที่จดแจ้งสินค้า 10-2-6700008482"

