ไม่ใครคนใดคนหนึ่งที่ไม่พูดความจริง กรณีถอนอายัดเหล็กของทุนจีน “ซิน เคอ หยวน” เพราะรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมคนปัจจุบัน นายธนกร วังบุญคงชนะ บอกว่า เป็นถอนอายัดก่อนตนเองเข้ารับตำแหน่ง ขณะที่อดีตรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมคนก่อน นายเอกณัฏ พร้อมพันธุ์ ก็บอกว่า การถอนอายัดเกิดขึ้นหลังตัวเองพ้นตำแหน่งเพียง 3 วัน เป็นเรื่องที่พิสดารมาก
ปมถอนเหล็กซิน เคอ หยวน ที่อายัดไว้ กลายเป็นเรื่องร้อนแรงขึ้นมา เพราะกระแสข่าวสับสนไม่เคลียร์คัทว่า เป็นเหล็กลอตไหนกันแน่ เนื่องจากเหล็กซิน เคอ หยวน เจออายัดหลายลอต นับตั้งแต่การตรวจสอบคุณภาพเหล็กจากเหตุระเบิดและเพลิงไหม้ในโรงงาน จนถึงเหล็กที่ใช้สร้างตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่พังถล่มจากเหตุแผ่นดินไหว มีคนเจ็บตายหลายร้อย
ข้อสงสัยของสังคม ทำให้นายธนกรหนีไม่ออก แม้จะตีฝีฝากว่าตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เป็นเรื่องที่เกิดก่อนเข้ามารับตำแหน่งก็ตาม เพราะเมื่อเข้ามานั่งในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายธนกรมีหน้าที่โดยตรงที่ต้องทำความจริงให้กระจ่างเพียงสถานเดียว เพื่อลบล้างข้อครหาใครกันแน่ที่มีนอกมีใน ทำไมจู่ ๆ ถึงมีการถอนอายัดเหล็กซิน เคอ หยวน คล้อยหลังจากเปลี่ยนรัฐบาลชุดใหม่
หากไล่ไทม์ไลน์ในการถอนอายัดเหล็กซิน เคอ หยวน ที่คาบเกี่ยวในช่วงผลัดเปลี่ยนอำนาจเพียงไม่กี่วันนั้นเต็มไปด้วยความคลุมเครืออย่างยิ่ง เพราะคำสั่งถอนอายัดเหล็กของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) และการชี้แจงของนายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ยังคงสับสนปนเป ทั้งยังมีการตั้งข้อสังเกตของนายเอกณัฏ พร้อมพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ถึงเรื่องดังกล่าวที่ชวนพิศวงน่าสงสัย
ต้นเรื่องเริ่มจากมีรายงานข่าว เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2568 ว่า สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ทำหนังสือบันทึกการถอนอายัดและการดำเนินการกับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ตามหนังสือเลขที่ กต16-13/68 ซึ่งบันทึกการถอนอายัด เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2568 ระบุว่า พนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 ได้ถอนอายัดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต เหล็กข้ออ้อยของบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด จำนวน 116 รายการ รวม 41,635 เส้น ที่ได้อายัดไว้เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2568
ในรายการที่ระบุการถอนอายัด จำนวน 116 รายการ รวม 41,635 เส้น นั้น มีการระบุเพื่อคืนเหล็กข้ออ้อย ขนาด DB32 ชั้นคุณภาพ ชั้นคุณภาพ SD50T ความยาว 10 เมตร จำนวน 16,950 เส้น ให้แก่บริษัทฯ นั่นหมายความว่า ในจำนวนเหล็ก 41,635 เส้น ผ่านมาตรฐานและคืนให้บริษัทฯ 16,950 เส้น เท่านั้น
และหนังสือเลขที่ กต16-15/68 บันทึกการถอนอายัดเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2568 จำนวน 62 รายการ รวม 24,685 เส้น ที่ได้อายัดไว้เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2568 คืนให้กับบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล ทั้งหมด ด้วยปรากฏผลการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ตัวอย่างค่าเป็นไปตามมาตรฐาน โดยหน่วยงานสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย และ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เป็นผู้ตรวจสอบ
การถอนอายัดเหล็กสองลอตดังกล่าวข้างต้น ทำให้มีกระแสข่าวว่อนโลกโซเซียล เนื่องจากสังคมยังมีข้อกังขาถึงคุณภาพมาตรฐานของเหล็กซิน เคอ หยวน ที่นำมาใช้ในงานก่อสร้างตึก สตง. ที่เกิดเหตุถล่มจากแผ่นดินไหว เมื่อปลายเดือนมีนาคม 2568 ที่ผ่านมา
โดยเหตุการณ์ครั้งนั้น นายเอกณัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ขณะนั้น นำทีมเข้าตรวจสอบ และระบุว่าเหล็กเส้นของ บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด ที่นำมาใช้ก่อสร้างโครงการนี้ไม่ได้มาตรฐาน ต่อมา เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2568 สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) จึงเข้าอายัดเหล็กข้ออ้อยของบริษัท ซิน เคอ หยวน จำนวน 41,635 เส้น มูลค่า 40 ล้านบาท เพื่อนำไปตรวจสอบมาตรฐาน
นายเอกนิติ รมยานนท์เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ยอมรับว่ามีการถอนอายัด และคืนเหล็กของหลางของบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด จริง ซึ่งเป็นไปตามกฎระเบีบยบของรัฐ ส่วนเหล็กบางส่วนที่ไม่ได้มาตรฐาน สมอ. ก็จะมีการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
“ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า เวลาที่ สมอ. อายัดของกลาง ซึ่งกรณีดังกล่าวคือเหล็กที่อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ตึก สตง. ถล่ม และอาจจะทำให้ประชาชนเดือดร้อนหากปล่อยให้มีการจำหน่ายออกไปในตลาด หลังจากนั้นก็นำเหล็กไปทดสอบ หากได้มาตรฐานก็คืนของกลางไปตามกฎระเบียบ หากไม่ได้มาตรฐานก็ดำเนินคดีต่อไป” เลขาธิการ สมอ. กล่าว
ที่ต้องขีดเส้นใต้ก็คือ เหล็กที่อายัดเป็นเหล็กที่อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ตึก สตง. ตามที่นายเอกนิติ ชี้แจง
มาฟังคำอธิบายของนายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ค่อนข้างสับสน ก่อนที่จะโยนเผือกร้อนให้พ้นตัวด้วยการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง
นายธนกร ชี้แจงเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2568 หลังมีข่าวว่อนร้อนแรงว่า การถอนอายัดเหล็กบางส่วนเกิดขึ้นในช่วงรัฐบาลชุดก่อน เป็นช่วงที่ตนเองยังไม่ได้เข้ามารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการวันที่มีการถอนอายัดส่วนแรก เป็นการคืนเหล็กที่ผ่านการตรวจสอบตามมาตรฐาน 16,950 เส้น มีผลตั้งแต่วันที่ 12 กันยายน 2568
“ผมได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นรมว.อุตสาหกรรม ในวันที่ 19 กันยายน 2568 ดังนั้นการตัดสินใจหรือการดำเนินการใด ๆ ก่อนวันที่ 19 กันยายน 2568 จึงเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีชุดเดิม ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสั่งการในเรื่องนี้แต่อย่างใด” นายธนกร กล่าว
เขายังบอกว่า สำหรับกรณีนี้เหล็กที่ถอนอายัดเป็นเหล็กจากเหตุการณ์ระเบิดและเพลิงไหม้ภายในโรงงาน เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2567 ไม่ใช่เหล็กกรณีตึก สตง.ถล่มตามที่มีข่าวเผยแพร่ในสื่อโซเซียลแต่อย่างใด และเป็นการถอนอายัดเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ผ่านหรือเป็นไปตามเกณฑ์การตรวจสอบแล้วเท่านั้น
น้ำเสียงที่ฟังดูปร่าแปร่งยิ่งกว่าของนายธนกร ก็คือการออกมารับหน้าให้ซิน เคอ หยวน ที่ว่า “เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่บริษัทที่ประกอบธุรกิจสุจริต ซึ่งเป็นไปตามหลักการที่ว่า ต้องไม่ละเมิดสิทธิของผู้ประกอบการ หากผลิตภัณฑ์นั้นถูกต้องตามมาตรฐาน”
ต่อมา เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2568 นายธนกร เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีถอนอายัดเหล็กของซิน เคอ หยวน สตีล อีกครั้งว่า สั่งการให้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว โดยคณะกรรมการมีนายภาส ภาสสัทธา อดีตรองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และนายมานิต นพอมรบดี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ร่วมเป็นคณะกรรมการฯ
คณะกรรมการฯ ดังกล่าว มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องของกระบวนการ อายัดและถอนอายัด ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง พร้อมอำนาจตรวจสอบบุคคลที่เกี่ยวข้องทุกระดับ หากพบพฤติการณ์ทุจริตหรือใช้อำนาจโดยมิชอบ ยืนยันว่าจะดำเนินการทางวินัยและกฎหมายอย่างเคร่งครัด
นายธนกร ย้ำอีกครั้งว่า เหล็กที่ถอนอายัด เป็นเหล็กจากเหตุระเบิดและเพลิงไหม้โรงงานเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2567 ไม่ใช่เหล็กจากเหตุตึก สตง.ถล่ม อย่างที่ “สังคมเข้าใจผิด” และยืนยันอีกครั้งว่า เจ้าหน้าที่ สมอ. ตรวจสอบตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2567 และพบเหล็กจำนวนหนึ่งไม่ได้มาตรฐาน จึงอายัดและดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อมามีการตรวจสอบและอายัดเพิ่มเติมอีก เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2568 รวม 41,635 เส้น ก่อนที่สุดท้ายแล้วจะถอนอายัดในวันที่ 12 กันยายน 2568 และวันที่ 30 กันยายน 2568 ซึ่งทั้งหมดเกิดก่อนที่ตนเองจะเข้ามาปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีอย่างเต็มรูปแบบเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2568 ดังนั้น จึงต้องขอเวลาเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน ยืนยันว่าข้อเท็จจริงจะต้องไม่ถูกบิดเบือน
คำถามคือหนึ่ง“สังคมเข้าใจผิด” จริงหรือไม่ เพราะเหล็กลอตที่ถอนอายัดนั้น นายเอกนิติ รมยานนท์ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม บอกว่า “...เป็นเหล็กที่อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ตึก สตง. ถล่ม ….” และข้อเท็จจริงคือ เหล็กจำนวน 116 รายการ รวม 41,635 เส้น ได้อายัดไว้เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2568 หลังเหตุการณ์ตึก สตง.ถล่ม
สองนายธนกร ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2568 ว่า ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในวันที่ 19 กันยายน 2568 แต่เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2568 นายธนกร กลับชี้แจงว่า ตนเองเข้ามาปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีอย่างเต็มรูปแบบ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2568 พร้อมปัดสวะว่า “ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการตัดสินใจถอนอายัดเหล็กชุดนี้ เพราะกระบวนการเกิดขึ้นขณะที่ผมยังไม่ได้เริ่มงาน....”
ไม่ว่านายธนกร จะปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง ทั้งยังชี้แจงแบบสร้างความสับสนให้กับสังคมอย่างยิ่งเพียงใดก็ตาม แต่หนังสือถอนอายัดเหล็กของ สมอ. ระบุชัด ว่า การถอนอายัดเหล็กสองลอต มีผลเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2568 และวันที่ 8 ตุลาคม 2568 ดังกล่าวไว้แล้วข้างต้น
ดังนั้น คำสั่งถอนอายัดเหล็กซิน เคอ หยวน ลอตหลัง จึงเกิดขึ้นหลังจากนายธนกร เข้ารับตำแหน่งและปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มรูปแบบ ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม คำว่า “ข้อเท็จจริงจะต้องไม่ถูกบิดเบือน” นายธนกร จึงต้องย้ำเตือนตนเองก่อนใครอื่น และต้องสืบสาวให้ชัดเจนว่าการปล่อยข้อมูลออกมามั่วซั่ว สร้างความสับสนปนเปไปหมด แท้ที่จริงแล้วก็เพื่อกรุยทางปลดล็อกให้ ซิน เคอ หยวน เปิดโรงงานเหล็กอีกครั้งหลังจากที่ถูกสั่งปิดชั่วคราวในเวลานี้ ใช่หรือไม่
อย่างไรก็ดี เมื่อหนีความจริงไปไม่พ้น นายธนกร ได้สั่งการให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และเลขาธิการ สมอ. ตรวจสอบย้อนหลังวัสดุที่เคยถูกยึดอายัดทุกล็อต รวมถึงผลการทดสอบทางวิศวกรรม ความสอดคล้องตามมาตรฐานอุตสาหกรรม และกระบวนการทางกฎหมายด้วย เพื่อเปิดเผยให้ประชาชนรับทราบอย่างตรงไปตรงมา หากพบเนื้อร้ายจะต้องตัดทิ้งทั้งหมด ใครผิดจะต้องถูกลงโทษถึงที่สุด ไม่มีข้อยกเว้น ไม่ว่าจะเป็นใคร หรืออยู่ในตำแหน่งใดก็ตาม
ทางด้านอดีต “รัฐมนตรีขิง”นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อดีตเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ออกมาสวนกลับว่า การถอนอายัดเหล็กของกลางมูลค่าเกือบ 50 ล้านบาทนั้น เป็นเงื่อนเวลาที่เหมาะเจาะมาก เพราะตนเองและทีมงานอำลากระทรวงอุตสาหกรรม เมื่อวันศุกร์ที่ 12 กันยายน 2568 เพียงไม่กี่วัน สมอ. ก็มีบันทึกการถอนอายัดดังกล่าว
“เหล็กที่ถอนอายัดทั้งหมด 41,635 เส้น เป็นเหล็ก ‘ใหม่’ ลอตเดียวกับที่ สมอ. เคยชักตัวอย่างออกจากโรงงานไปตรวจสอบ แล้วรายงานว่าตกมาตรฐานไปแล้ว 2 รอบ ใช่หรือไม่ ถ้าใช่ ทำไมวันนี้ถึงปลดอายัดได้” นายเอกนัฏ ตั้งคำถาม และระบุว่า ปัจจุบันเมื่อตนเองออกจากตำแหน่ง ทางบริษัทฯ ยังได้ร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และฟ้องศาลปกครอง เรียกค่าเสียหายราว 3 พันล้านบาท รวมถึงฟ้องหมิ่นประมาท
“แม้ผมไม่ได้เป็นรัฐมนตรีแล้ว แต่ยังติดตามเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง ขอชวนสังคมร่วมเป็นหูเป็นตา ว่าสุดท้ายแล้ว โรงงานนี้จะกลับมาเปิดเพื่อผลิตอีกครั้งหรือไม่” นายเอกณัฏ กล่าวเชิญชวน และตั้งข้อสังเกตด้วยว่า จะมีการปลดอายัดของกลางที่สอบตกมาตรฐานในลักษณะเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น เหล็ก สายไฟ ล้อยาง มูลค่ามหาศาล อีกหรือไม่ “คงจะต้องติดตามตรวจสอบหาข้อมูลกันจนสุดซอยครับ”
ทางด้านนายชุติพงศ์ พิภพภิญโญสส.ระยอง พรรคประชาชน ตั้งข้อสงสัยถึงความไม่ชอบมาพากลในการถอนอายัดเหล็กของบริษัท ซิน เคอ หยวน ว่าเรื่องนี้ต้องการความชัดเจนอย่างมาก ว่าล็อตที่ปล่อยมาทั้งหมดไม่มีเหล็กตกคุณภาพในล็อตผลิตเดียวกัน และ ซิน เคอ หยวน มีคดีความนับพันคดี ไม่เพียงแค่ปัญหาการผลิตเหล็ก แต่มีคดีการกักเก็บฝุ่นแดงหลายหมื่นตัน และคดีความอื่น ๆ อีกมากมาย แต่กลับบอกว่าถ้าปรับปรุงแล้วก็เปิดได้ เหมือนเป็นการส่งสัญญาณให้ดำเนินการต่อใช่หรือไม่ ซึ่งอาจส่งผลต่อความมั่นใจในคุณภาพของเหล็กที่ใช้ในงานก่อสร้าง
และที่ชวนสงสัยอย่างยิ่งคือ การถอนอายัดเหล็กในช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ซึ่งเมื่อนายธนกร เข้ารับตำแหน่งก็เลือกเงียบจนข่าวหลุดออกมาว่ามีการถอนอายัดไปแล้วถึงค่อยมาอ้อม ๆ แอ้ม ๆ ตอบสังคม หากนายธนกร เข้ามาแล้วทิศทางการทำงานของกระทรวงอุตสาหกรรม เปลี่ยนไป สอดรับกับประเด็นที่เป็นข่าวว่ามีการลงขันจะเอารัฐมนตรีคนเดิมออกให้ได้ เพราะไปตรวจสอบมากไป ประชาชนจะตั้งคำถามเป็นเพราะอะไรกันแน่?
สังคมไทยต่างรู้ดีว่า ซิน เคอ หยวน ของกลุ่มทุนจีน ทรงอิทธิพลขนาดไหน ในเชิงธุรกิจ หลังจาก ซิน เคอ หยวน เข้ามาลงทุนในไทย ทำให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเหล็กของไทย ต่างล้มหายตายจากเป็นเบือ
ในทางการเมือง ซิน เคอ หยวน ท้าทายอำนาจรัฐไทยมาตลอด เช่น การครอบครองฝุ่นแดงเกือบ 60,000 ตัน โดยไม่มีการแจ้ง การขนย้ายที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย เหล็กที่ผลิตมีปัญหาคุณภาพมาตรฐานถูกอายัดตรวจสอบหลายครั้ง
ที่ผ่านมา กระทรวงอุตสาหกรรม ในสมัย “รัฐมนตรีขิง” นายเอกณัฐ พร้อมพันธุ์ และปฏิบัติการของ “ทีมสุดซอย” ได้รวบรวมหลักฐานตั้งข้อหา ซิน เคอ หยวน และบริษัทที่เกี่ยวข้อง รวม 1,016 ข้อหา เพื่อส่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินคดี และนำไปสู่การเพิกถอน BOI
ขณะที่ ซิน เคอ หยวน สตีล ก็สู้กลับ โดยฟ้องศาลปกครองระยอง เมื่อเดือนกันยายน 2568 เพื่อเอาผิดนายเอกณัฐ พร้อมด้วยกรมโรงงาน และ บีโอไอ เรียกค่าเสียหายกว่า 3.2 พันล้าน และขอคุ้มครองชั่วคราวเพื่อเปิดโรงงานเดินเครื่องต่อ
ทุนเหล็กจีนที่ทรงอิทธิพลระดับนี้ เมื่อมีเหตุถอนอายัดเหล็กในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เปลี่ยนผ่านรัฐบาลใหม่ จึงไม่น่าแปลกใจที่ทำให้สังคมและประชาชนคนไทยทั้งประเทศสงสัยและเรียกร้องสอบข้อเท็จจริงให้สิ้นกระแสความ

