จีนตอบตกลงที่จะกลับมาซื้อธัญพืชถั่วเหลืองจากสหรัฐอเมริกาอีกครั้งในการประชุมระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงที่เมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันพฤหัสบดี ( 30 ต.ค. )
ถั่วเหลืองถือเป็นอีกหนึ่งอาวุธเด็ดของจีนในการทำสงครามภาษีศุลกากรกับสหรัฐฯเลยก็ว่าได้ เห็นได้จากเมื่อจีนยกเลิกการนำเข้า เกษตรกรผู้ปลูกต้องสูญเสียเม็ดเงินที่เคยขายได้ไปหลายพันล้านดอลลาร์ เกษตรกรเหล่านี้เป็นฐานเสียงสำคัญของทรัมป์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่ผ่านมา
ในการประชุมสุดยอดทรัมป์ยอมลดอัตราภาษีศุลกากรให้แก่จีนลงมา 10% เหลือ 47% เพื่อแลกกับการซื้อถั่วเหลือง แต่ก็ใช่ว่าเกษตรกรสหรัฐฯจะมีรายได้พลิกฟื้นในทันที
ตามการเปิดเผยของแหล่งข่าว COFCO ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจจีน กลับมาซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ ก่อนหน้าที่ผู้นำทั้งสองจะหารือกันไม่นาน โดยมีการทำสัญญาขนส่งถั่วเหลืองประมาณ 180,000 เมตริกตันระหว่างเดือนธันวาคม-มกราคม นับเป็นการซื้อครั้งแรกของจีนสำหรับฤดูการเก็บเกี่ยวของสหรัฐฯในปีนี้
อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์คาดว่า ความต้องการถั่วเหลืองสหรัฐฯยังคงซบเซา หลังจากจีนเพิ่งซื้อถั่วเหลืองจากอเมริกาใต้เป็นจำนวนมาก โดยแหล่งข่าวซึ่งอยู่ในบริษัทการค้าระหว่างประเทศระบุว่า COFCO มีการสั่งจองให้ขนส่งไปเพียงสามเที่ยวในตอนนี้
จีนเป็นชาติผู้นำเข้าถั่วเหลืองมากกว่าร้อยละ 60 ในโลก โดยจีนมีการสั่งจองเกือบเสร็จสิ้นแล้วในเดือนพฤศจิกายน เป็นถั่วเหลืองจากบราซิลและอาร์เจนตินา ดังนั้น ช่วงเดือนธันวาคมและมกราคมจึงคาดว่าจีนจะมีการสั่งซื้อจำนวนจำกัด ในขณะที่ช่วงเดือนตุลาคมถึงมกราคมเป็นฤดูกาลส่งออกถั่วเหลืองที่สำคัญที่สุดของสหรัฐฯ
ความต้องการที่ลดลงของจีนในฤดูกาลส่งออกสำคัญของสหรัฐฯย่อมส่งผลกระทบต่อฐานะทางการเงินของเกษตรกรสหรัฐฯ การเก็บเกี่ยวผลผลิตจำนวนมากเกือบเสร็จสิ้นแล้ว โดยเสียค่าปุ๋ย เมล็ดพันธุ์ แรงงาน และอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีต้นทุนสูง แต่ตลาดส่งออกหลักยังคงหายไป
เกษตรกรผู้ปลูกถั่วเหลืองของสหรัฐฯ มีอาการร่อแร่ถึงขั้นที่เจ.บี. พริตซ์เกอร์ ผู้ว่าการรัฐอิลลินอยส์ต้องลงนามในคำสั่งผู้บริหารเมื่อวันพุธ ( 29 ต.ค.) เพื่อประกาศวิกฤตการณ์ด้านการค้าสินค้าเกษตรในอิลลินอยส์ อันเป็นรัฐผู้ผลิตและส่งออกถั่วเหลืองอันดับหนึ่งของสหรัฐฯ
ที่มา : รอยเตอร์

