ค่ารถไฟฟ้าแพงยังไร้ทางออก รัฐบาลยอมรับอาจแก้ไม่ทันก่อนยุบสภา ชี้ติดขั้นตอนกฎหมายและสัญญา หวั่นกระทบหนี้สาธารณะพุ่ง
แม้ว่าโครงการคนละครึ่งพลัสของรัฐบาลจะเดินหน้าไปอย่างคึกคัก และสามารถใช้สำหรับการโดยสารรถไฟฟ้าได้ในบางสาย แต่ปรากฎว่าในประเด็นเรื่องปัญหาราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าที่มีแนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้นโดยเฉพาะส่วนต่อขยายสีเขียว ยังเป็นปัญหาที่รัฐบาลชุดปัจจุบันยังแก้ไม่ตก และอาจไม่ทันจะไม่ทันก่อนการยุบสภาผู้แทนราษฎรในเดือนมกราคม 2569
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายการกำหนดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าเพื่อลดภาระค่าครองชีพประชาชน จะมีการหารือ 2 ส่วน ส่วนแรกคือ กรณีโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายสำหรับสายสีแดงและสีม่วง จะสิ้นสุดแล้วตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย.2568 ซึ่งก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่งตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างกระทรวงคมนาคมกับกระทรวงการคลังว่า หลังจากครบกำหนด 30 พ.ย.แล้ว กระทรวงคมนาคมจะมีแนวทางอย่างไร โดยให้หารือกับกระทรวงการคลัง
นายพิพัฒน์ กล่าวอีกว่า ส่วนที่สองคือ ส่วนต่อขยายที่มีราคาสูงอยู่ในขณะนี้ จะมีการหารือถึงแนวทางและข้อสรุปให้ได้ ส่วนจะได้ข้อสรุปก่อนการยุบสภาฯ ในวันที่ 31 ม.ค.2569 หรือไม่นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับกระทรวงคมนาคมและกระทรวงการคลัง ยังมีส่วนที่เกี่ยวเนื่องไปยังอัยการสูงสุด ซึ่งจะต้องไปดูสัญญา หากอัยการสูงสุดให้คำตอบที่เร็ว เราก็สามารถดำเนินการทันได้ แต่หากดูสัญญาไม่ทัน กระทรวงการคมนาคมก็จะไปหาวิธีว่า ในช่วงรักษาการจะสามารถพิจารณาได้หรือไม่ต่อไป
สำหรับข้อเสนอให้ใช้งบประมาณอุดหนุนราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้า นายพิพัฒน์ กล่าวว่า นโยบายของรัฐบาลคือ จะใช้ระบบตั๋วร่วม แต่ระบบดังกล่าวมีขั้นตอน ซึ่งตอนนี้ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) มีเฉพาะสายสีแดงและสีม่วง เราจะมีสายสีอื่น เช่น ของบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM หรือ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เราก็ต้องไปเจรจากับเจ้าของบริษัทสัมปทานว่าจะทำอย่างไร ซึ่งต้องขอหารือกับกระทรวงการคลังด้วยว่า หากรัฐบาลจะทำอะไรลงไป จะทำอย่างไรไม่ให้กระทบกับหนี้สาธารณะ ปัญหาของรัฐบาลคือ มีความกังวลเรื่องหนี้สาธารณะ ซึ่งมันใกล้เคียงกับเพดาน 70%

