xs
xsm
sm
md
lg

ยื่น 'ศาล-ผู้ตรวจ' ล้มแก้รัฐธรรมนูญ เหตุเปิดทางแตะหมวด 1-2

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



อดีต ส.ว. ดิเรกฤทธิ์ ยื่นผู้ตรวจฯ ส่งศาล รธน.วินิจฉัยมติรัฐสภาแก้รัฐธรรมนูญโดยไม่ทำประชามติ ชี้ขัดคำวินิจฉัยศาลฯ ที่ 4/2564 และเปิดทางแตะหมวด 1-2 อันเป็นหัวใจรัฐธรรมนูญ

การเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อนำไปสู่การทำประชามติ ได้ปรากฎประเด็นที่น่าสนใจเมื่อนายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม อดีตสมาชิกวุฒิสภา ได้ยื่นคำร้องขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยการกระทำของรัฐสภา ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่ได้จัดให้มีการลงประชามติก่อน อันเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และขัดต่อคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564

โดยเนื้อหาในคำร้อง ระบุว่า ขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาและเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยการกระทำของรัฐสภาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กรณีได้พิจารณาและมีมติเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2568 ให้ดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 โดยพิจารณาจากร่างรัฐธรรมนูญฉบับของพรรคประชาชน พรรคภูมิใจไทย และพรรคเพื่อไทย ซึ่งมิได้จัดให้ประชาชนลงประชามติในขั้นแรกก่อนว่าจะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ อันเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่ 4/2564 และ ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ

ในคำร้องยังระบุอีกว่า ปัจจุบันรัฐสภาได้มีมติให้ดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 โดยมิได้ให้ประชาชนลงมติเห็นชอบก่อนว่า “จะให้มีการแก้ไขหรือจัดทำ รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หรือไม่” การกระทำดังกล่าวมีลักษณะเป็นการใช้อำนาจของรัฐสภา ในฐานะองค์กรที่ใช้อำนาจอธิปไตย ซึ่งกระทบต่อสิทธิของประชาชนในฐานะเจ้าของอำนาจอธิปไตยตามมาตรา 3 และขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ได้เคยมีคำวินิจฉัยที่ 4/2564 เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2564 ซึ่งได้วางหลักสำคัญว่า ก่อนที่รัฐสภาจะดำเนินการจัดทำหรือแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ต้องให้ประชาชน ลงประชามติว่า จะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ก่อน และเมื่อจัดทำเสร็จแล้วต้องให้ประชาชน ลงประชามติอีกครั้งหนึ่ง

ฉะนั้น การที่รัฐสภามีมติเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2568 ให้ดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยไม่ได้จัดให้ประชาชนลงประชามติในขั้นแรก จึงเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการตามคำวินิจฉัยดังกล่าวและไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ส่งผลให้การดำเนินการทั้งหมดเป็นโมฆะ จึงขอใช้สิทธิในฐานะประชาชนชาวไทยตามมาตรา 213 ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งถูกละเมิดสิทธิโดยตรงจากการกระทำของรัฐสภาดังกล่าว ที่ได้มีการพิจารณามีมติให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ (พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ๓ ฉบับ ของ พรรคประชาชน พรรคภูมิใจไทย และพรรคเพื่อไทย) โดยที่มิได้ให้ประชาชนลงประชามติว่าจะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ก่อน

นอกจากนี้ นายดิเรกฤทธิ์ ยังได้ยื่นคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญด้วยเช่นกัน โดยมีเนื้อหาระบุว่า เมื่อพิจารณาบันทึกหลักการเหตุผลและร่างรัฐธรรมนูญของพรรคการเมือง ทั้ง 3 ฉบับดังกล่าว ซึ่งมีเนื้อหาสาระในร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม ให้มีหมวด 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญ ฉบับใหม่ ฉะนั้น การที่รัฐสภานำร่างรัฐธรรมนูญของพรรคการเมืองทั้ง 3 ฉบับ ที่ยังมิได้ผ่านการลงประชามติจากประชาชนเข้าไปพิจารณาในสภานั้น จึงเป็นการกระทำโดยไม่มีอำนาจ ขัดต่อคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 และขัดต่อรัฐธรรมนูญ

เมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นดังกล่าว แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าประธานรัฐสภา และสมาชิกรัฐสภาที่เกี่ยวข้อง จงใจกระทำผิดต่อรัฐธรรมนูญและฝ่าฝืนคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าว อันกระทบต่อสาระสำคัญของหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตย เพื่อให้เกิดรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ลับหลังประชาชน เพราะมีการนำร่างรัฐธรรมนูญที่ให้เขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยให้มีการแก้ไขหมวด 1 หมวด 2 ที่มาตรา 255 ห้ามไว้มาเป็นบทบัญญัติด้วย

หากได้จัดทำประชามติขอความเห็นชอบจากประชาชนให้ยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันก่อน แล้วเขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตามหลักการเหตุผลและสาระเช่นนี้ รวมกับการทำประชามติในคราวเดียวกันก่อนเสนอร่างรัฐธรรมนูญเข้าพิจารณาในรัฐสภา ผู้ร้องคาดหมายได้ว่าจะไม่ผ่านความเห็นชอบจากประชาชนให้ดำเนินการอย่างแน่นอน ซึ่งเป็นผลให้สามารถประหยัดงบประมาณของรัฐที่มาจากภาษีประชาชนในการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้เป็นจำนวนมากถึงเกือบหมื่นล้านบาท (โดยประมาณ)

อีกทั้งประการสำคัญ คือ การไม่สร้างความขัดแย้งของคนในชาติที่มีความเห็นต่างในขั้นตอน การรณรงค์เพื่อให้ประชาชนเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่จะเกิดขึ้นนี้ซึ่งมาจากกระบวนการ ที่ไม่ชอบ อันอาจส่งผลกระทบให้เกิดความเสียหายที่ยากแก่การแก้ไขเยียวยาในภายหลัง ในขณะที่สถานการณ์ปัจจุบันความสามัคคีของคนในชาติเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด จึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความไม่ชอบของการกระทำของรัฐสภาดังกล่าว กรณีได้พิจารณาและมีมติเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2568 ให้ดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 โดยพิจารณาจากร่างรัฐธรรมนูญฉบับของพรรคประชาชน พรรคภูมิใจไทย และพรรคเพื่อไทย ซึ่งมิได้จัดให้ประชาชนลงประชามติในขั้นแรกก่อนว่าจะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ อันเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่ 4/2564 และไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เพื่อให้รัฐสภายุติการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ไม่ชอบด้วยขั้นตอนอันเป็นสาระสำคัญตามรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย และให้ถือว่าการดำเนินการที่ได้กระทำไปแล้วเป็นโมฆะ อีกทั้งเพื่อมิให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศชาติ และประชาชน ขอให้ศาลมีคำสั่งให้รัฐสภางดเว้นการดำเนินการใด ๆ ต่อไปจนกว่าประชาชนจะได้ลงประชามติ
กำลังโหลดความคิดเห็น