เกษียณแล้วยังไม่พ้นแรงสะเทือน “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล อดีตผบ.ตร. ถูก ก.ร.ตร. ชี้มูลความผิดทางวินัย พร้อมตำรวจอีกกว่า 200 นาย ปมรับส่วยเว็บพนันออนไลน์ สังคมจับตากระบวนการสอบสวน วัดใจองค์กรสีกากี โปร่งใสหรือปกป้องกันเอง
วงการสีกากีโดนเขย่าแรงอีกครั้ง ภายหลังคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ หรือ ก.ร.ตร. ชี้มูลความผิดทางวินัย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมผู้เกี่ยวข้องกว่า 200 นาย ในข้อหารับเงินจากขบวนการส่วยเว็บพนันออนไลน์ โดยกรณีนี้ไม่ใช่เรื่องของบุคคลใดบุคคลหนึ่งเท่านั้น แต่สะท้อนถึงระบบตรวจสอบและความรับผิดชอบภายในองค์กรตำรวจไทย และเป็นหนึ่งในตัวอย่างสำคัญที่สังคมจับตามองว่ากระบวนการสอบสวนและการลงโทษจะสร้างความโปร่งใสได้จริงหรือไม่
ทั้งนี้ รายละเอียดของการดำเนินการนั้นคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ หรือ ก.ร.ตร.ได้มีมติชี้มูลความผิดทางวินัย กับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมพวกกว่า 200 นาย ภายหลังจาก นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ยื่นเรื่องร้องเรียนเมื่อเดือนมีนาคม 2567 กล่าวหาว่ามีการรับเงินจากขบวนการส่วยเว็บพนันออนไลน์ โดยมีรายงานระบุว่า ก.ร.ตร.ใช้เวลาตรวจสอบนานกว่า 7 เดือน โดยรวบรวมเอกสารจากหลายหน่วยงานและตรวจสอบย้อนหลังหลายปี ก่อนจะมีมติเมื่อวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า ผู้ถูกร้องมีมูลความผิดทางวินัย ขั้นตอนต่อไปจะเปิดโอกาสให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และผู้เกี่ยวข้องชี้แจงข้อกล่าวหา ซึ่งคณะกรรมการจะนำคำชี้แจงมาประกอบการพิจารณาอีกครั้ง เพื่อกำหนดโทษทางวินัยว่าร้ายแรงหรือไม่ร้ายแรง
ตามขั้นจะส่งเรื่องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ดำเนินการต่อไป อย่างไรก็ตาม สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่สามารถตั้งคณะกรรมการสอบสวนซ้ำได้ เว้นแต่จะมีพยานหลักฐานใหม่หรือข้อโต้แย้งสำคัญที่อาจเปลี่ยนแปลงรูปคดี โดย ก.ร.ตร.จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
สำหรับหรับการพิจารณาโทษของข้าราชการที่มีความผิดทางวินัย ทางคณะกรรมการ ก.ร.ตร. จะส่งชื่อไปที่ต้นสังกัด ดำเนินการทางวินัย ส่วนข้าราชการที่มีความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงหรือมีความผิดอาญา ถึงขั้นปลดออกก็จะถูกส่งไปที่ต้นสังกัด และส่งไปที่ ป.ป.ช ดำเนินการต่อไป โดยผู้ที่ถูกร้องสามารถยื่น คำร้องต่อ ก.ร.ตร.ได้ในกรอบระยะเวลาที่กำหนด ในส่วนพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ถึงแม้จะเกษียณอายุไปแล้ว เมื่อมีความผิดวินัย สามารถที่จะยื่นอุทธรณ์คำสั่งได้ ถ้ามีหลักฐานใหม่
สำหรับการพิจารณาโทษเนื่องจากผู้ถูกร้องเป็นตำรวจยศ พล.ต.อ. จะมีคณะกรรมการเสนอแนะการลงโทษ ประกอบด้วยรอง ผบ.ตร.และจเรตำรวจแห่งชาติ ได้แก่ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ พล.ต.อ. นิรันดร เหลื่อมศรี พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร พล.ต.อ.สำราญ นวลมา และพล.ต.อ อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ จเรตำรวจแห่งชาติ จะเป็นผู้พิจารณา ภายในกรอบระยะเวลา 3 ปี หลังจากที่เกษียณอายุราชการ โดยมีโทษตั้งแต่ผิดวินัยไม่ร้ายแรงและวินัยร้ายแรง โดยมีโทษปลดออกและไล่ออก

