ประธาน JBC ฝ่ายไทย เผยที่ประชุมไทย-กัมพูชาเห็นพ้องสำรวจและวางหมุดชั่วคราว บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว ก่อนเสนอรัฐบาลใช้กลไกที่เหมาะสมปรับการถือครองที่ดิน พร้อมเห็นชอบซ่อมแซมและจัดทำหลักเขตแดนทดแทน และเร่งแก้ไขทีโออาร์ 2003 ทดลองนำเทคโนโลยี LiDAR มาใช้ทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ ประชุมครั้งต่อไป ม.ค. 69 ที่กัมพูชา
วันนี้ (23 ต.ค.) กระทรวงการต่างประเทศ เผยแพร่ นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย และนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานฯ ร่วมฝ่ายกัมพูชา เป็นประธานฯ ร่วมในพิธีปิดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) สมัยวิสามัญ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-22 ตุลาคม 2568 ที่จังหวัดจันทบุรี
ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามบันทึกการประชุมร่วมกัน หลังจากการเจรจาหารืออย่างตรงไปตรงมาเพื่อผลักดันให้เกิดความคืบหน้าในประเด็นที่อยู่ภายใต้อำนาจและความรับผิดชอบของ JBC โดยมีผลลัพธ์ใน 3 ประเด็นหลัก ดังนี้
(1) ทั้งสองฝ่ายรับรองและเห็นชอบการซ่อมแซมและจัดทำหลักเขตแดนเพื่อเปลี่ยนหรือทดแทนหลักเขตแดนเดิมที่เสียหายที่ทั้งสองฝ่ายมีความเห็นตรงกันแล้ว
(2) ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้เร่งรัดการแก้ไข Terms of Reference (TOR) 2003 เพื่อนำเทคโนโลยี Light Detection and Ranging (LiDAR) มาใช้ในการทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ โดยเห็นชอบที่จะทดลองการใช้งานเทคโนโลยี LiDAR ภายในสัปดาห์แรกของเดือนธันวาคม 2568
(3) ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต่อกระบวนการสำรวจและจัดทำหมุดชั่วคราวอย่างเร่งด่วนบริเวณหลักเขตแดนที่ 42-47 ในพื้นที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ชัดเจน และให้หน่วยงานท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องสามารถบริหารจัดการประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการครอบครองที่ดินในบริเวณดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันจะมีส่วนช่วยลดการกระทบกระทั่งและความขัดแย้งในรูปแบบต่าง ๆ
ในคำกล่าวปิดการประชุม JBC ฝ่ายไทยย้ำความมุ่งมั่นของ JBC ที่มุ่งเสริมสร้างสันติภาพผ่านการกำหนดความชัดเจนในประเด็นเขตแดนมากว่า 25 ปี พร้อมย้ำความสำคัญของการรักษาเจตนารมณ์ดั้งเดิมของ JBC ในฐานะกลไกทางเทคนิคสำหรับการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน ซึ่งเป็นอิสระจากการเมือง และคาดหวังให้ฝ่ายกัมพูชาร่วมมืออย่างจริงใจและสุจริตใจต่อไปเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายบรรลุผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม
การประชุม JBC ครั้งต่อไปจะมีขึ้นในต้นเดือนมกราคม 2569 โดยฝ่ายกัมพูชาจะเป็นเจ้าภาพ และระหว่างนี้ทั้งสองฝ่ายจะเร่งดำเนินการในขั้นตอนทางเทคนิคที่เกี่ยวข้องให้มีความคืบหน้าก่อนการประชุมดังกล่าว ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายหวังว่า การเร่งเจรจาประเด็นเขตแดนตามกลไก JBC นี้ จะเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยลดความตึงเครียดของสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน เพื่อความปลอดภัยและผลประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศ
สำหรับคำแปลอย่างไม่เป็นทางการ ในการแถลงข่าวร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) สมัยวิสามัญ จ.จันทบุรี ความว่า
1. การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย - กัมพูชา สมัยวิสามัญ จัดขึ้น ณ จังหวัดจันทบุรี ระหว่างวันที่ 21 - 22 ตุลาคม 2568 ฝ่ายไทยนำโดย นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศด้านเขตแดน เป็นประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย - กัมพูชา (ฝ่ายไทย) และฝ่ายกัมพูชานำโดย นายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา เป็นประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย - กัมพูชา (ฝ่ายกัมพูชา)
2. การประชุมเป็นไปภายใต้บรรยากาศแห่งมิตรภาพและฉันมิตร
3. ทั้งสองฝ่ายได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมาธิการเทคนิคร่วม (Joint Technical Sub-Commission: JTSC) ดำเนินการสร้างหลักเขตแดนใหม่เพื่อทดแทนหลักเขตแดนเดิมที่ชำรุดหรือสูญหาย จำนวน 15 หลัก ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีความเห็นตรงกันแล้ว ให้กลับคืนสู่ที่ตั้งและตำแหน่งเดิม
4. ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะจัดทำหลักเขตแดนเพื่อเปลี่ยนหรือทดแทนหลักเขตแดนเดิมที่จมน้ำ จำนวน 3 หลัก โดยจะกำหนดตำแหน่งที่ตั้งใหม่ร่วมกันในภายหลัง
5. ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้เร่งรัดการแก้ไข Terms of Reference 2003 (TOR 2003) เกี่ยวกับการจัดทำแผนที่ภาพถ่าย (Orthophoto Maps) เพื่อนำเทคโนโลยีใหม่ เช่น Light Detection and Ranging (LiDAR) มาใช้ในการทำแผนที่ภาพถ่าย เพื่อให้การสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
6. เกี่ยวกับการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน ระหว่างหลักเขตแดนที่ 42 ถึง 47 บริเวณบ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว
ก. ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะหารือเพื่อให้ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับคำแนะนำทางเทคนิค (Technical Instruction: TI) สำหรับการสำรวจและวางหมุดชั่วคราวในพื้นที่ภูมิประเทศที่มีความเร่งด่วนในบริเวณหลักเขตแดนที่ 42 ถึง 47
ข. เมื่อทั้งสองฝ่ายดำเนินการสำรวจและวางหมุดชั่วคราวเสร็จสิ้นแล้ว จะนำผลการสำรวจดังกล่าวเสนอต่อรัฐบาลเพื่อขอความเห็นชอบ เพื่อกำหนดกลไกที่เหมาะสมสำหรับการปรับการถือครองที่ดินของทั้งสองฝ่ายต่อไป
ค. การวางหมุดชั่วคราวนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการสำรวจเท่านั้นและจะไม่กระทบต่อสิทธิของไทยและกัมพูชาในเรื่องเขตแดนทางบกตามกฎหมายระหว่างประเทศ และ
ง. ทั้งสองฝ่ายตกลงจะกำชับให้หน่วยงานท้องถิ่น ทั้งฝ่ายทหารและพลเรือน รับประกันความปลอดภัยให้กับชุดสำรวจจากทุ่นระเบิด ตามข้อ 3 ของ MOU 2543 และเพื่อให้ชุดสำรวจสามารถปฏิบัติงานได้โดยปราศจากการขัดขวางและการยั่วยุที่อาจส่งผลให้เกิดความตึงเครียดเพิ่มเติมในบริเวณดังกล่าว
7. ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะจัดการประชุม JBC ครั้งต่อไปในสัปดาห์แรกของเดือนมกราคม 2569 ที่เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา
รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ในการแถลงข่าวตอนหนึ่ง เมื่อผู้สื่อข่าวถามการดำเนินการเกี่ยวกับพื้นที่ข้อพิพาทจะทำอย่างไร เพราะในที่ประชุมมีการตอบรับและทำแผนอพยพชาวกัมพูชาที่รุกล้ำ แต่สุดท้ายไม่มีการดำเนินการ ให้คุยกันในที่ประชุม JBC อีกครั้ง ปรากฎว่า นายประศาสน์ กล่าวว่า ในข้อ 6 มีการหารือเรื่องบ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว ก่อนที่จะรู้ว่ารุกล้ำหรือไม่อย่างไร ต้องวางมาร์คเกอร์ชั่วคราวระหว่างหลักที่กัมพูชาอ้างและประเทศไทยอ้าง ระยะทางขึ้นอยู่กับการเจรจา จะได้เห็นเส้นระวางหลักเขตสองอัน เพื่อส่งต่อให้กลไกที่เหมาะสมไปหารือและรายงานกับรัฐบาลว่าปักปันเสร็จแล้ว ขอไม่ใช้คำว่าโยกย้าย รื้อถอน ทำลาย เพราะอาจจะมากกว่านั้น ใช้คำว่าปรับการถือครองที่ดิน ซึ่งเป็นคำกลางๆ ของทั้งสองฝ่าย
เมื่อถามว่า การปรับการถือครองที่ดินมีกรอบระยะเวลาหรือไม่ นายประศาสน์ กล่าวว่า กรอบการทำงานที่จะทำคู่มือทางเทคนิค ให้ชุดสำรวจนำไปทำงาน กำหนดกรอบให้แล้วเสร็จเท่าไหร่ ขอไม่ให้รายละเอียด เมื่อเสร็จแล้ว ได้ผลงานการปักแล้ว จะนำเสนอรัฐบาล แล้วรัฐบาลจะตัดสินใจว่าจะมอบหมายใครเป็นกลไก อีกฝ่ายใครเป็นกลไก แล้วมาหารือกันว่า จะทำแผนปฎิบัติการได้อย่างไร ในการแก้ไขปัญหาการปรับครองที่ดิน เพราะฉะนั้นกลไกในอนาคตก็ต้องรอผลการสำรวจให้เสร็จ แล้วมาทำกลไก ใครจะคุยและทำแผนงานปฎิบัติการอย่างไร ต้องใช้เวลาสักพัก ขอความเห็นใจเพราะค้างมา 26-27 ปี พยายามเร่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ส่วนที่การประชุม GBC คราวที่แล้ว กล่าวถึงบ้านคลองแผง อ.ตาพระยา หลักหมุดที่ 33-35 มีการรุกล้ำของชาวกัมพูชาเช่นเดียวกัน ในที่ประชุมมีการพูดคุยเรื่องนี้หรือไม่ นายประศาสน์ กล่าวว่า ตนได้มีการเตรียมการประชุมฝ่ายไทย โดยหารือกองทัพและจังหวัด ว่ามีอะไรเป็นเรื่องด่วนในขณะนี้ การประชุมวิสามัญครั้งนี้เป็นเรื่องด่วน คือ บ้านหนองหญ้าแก้ว กับบ้านหนองจาน ส่วนปัญหาอื่นรอในโอกาสต่อไป ตนได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมฝ่ายไทยว่า เรื่องนี้ขอให้รอ เอาสองเรื่องนี้ให้จบก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน ทราบดีว่ามีปัญหาหลายแห่ง แต่ตอนนี้ขอเรื่องนี้ก่อน ถึงได้นัดเร็วที่สุดเดือนมกราคม 2569 เพราะรอการสำรวจ เสร็จแล้วต้องคุยกับรัฐมนตรีว่า กลไกไหนทำงานอย่างไร แล้วถึงจะไปคุยกับกัมพูชาต่อ
เมื่อถามว่า กัมพูชามีเสนอเงื่อนไขอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ เพราะตอนนี้ฝ่ายไทยอาจจะเข้าไปในพื้นที่ 64 ไร่ ที่บ้านหนองจาน หรือ 25 ไร่ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ระหว่างรอการสำรวจให้หยุดการดำเนินการตรงนั้นไปก่อน นายประศาสน์ กล่าวว่า ขอไม่ลงรายละเอียด เพราะตกลงกันแล้วว่าไม่แถลงข่าว ที่เปิดเผยได้ในขณะนี้จนกว่าจะเสนอรัฐบาลก็มีแค่นี้ อย่าเรียกว่าเงื่อนไข ให้เรียกว่าแลกเปลี่ยนความเห็น

