xs
xsm
sm
md
lg

สปสช.ทำอึ้งต่อเนื่อง รพ.พุทธชินราชได้แค่ 15 ล้าน "หมอวีระพันธ์" โวยโอนงบผู้ป่วยในต่ำกว่าทุน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก เผย สปสช. ค้างจ่าย 238 ล้าน แต่โอนเงินมาให้แค่ 15 ล้านบาท ต้องใช้วิธียืดหนี้อุปกรณ์การแพทย์ออกไปก่อน กระทบจ่ายยาบ้าง ขณะที่ประธานองค์กรแพทย์ของ รพ. ชี้ไม่ค่อยยุติธรรม ถ้า สปสช. ทำเหมือนเดิม รพ. คงรับไม่ไหว ขณะที่ สว.วีระพันธ์ เตรียมขอยื่นญัตติอภิปรายในสภาฯ เหตุ สปสช.จ่ายงบผู้ป่วยในต่ำกว่าทุน แถมเรียกเงินคืนจาก รพ.ทั่วประเทศอีก

วันนี้ (20 ต.ค.) จากกรณีที่ นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย สมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุํก ระบุว่า โรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก สภาวะทางการเงินติดลบ 64 ล้านบาท เพราะสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ค้างการจ่ายเงินหน่วยบริการต่างๆ แทบทุกหน่วยบริการทั่วประเทศ ต่อมา สปสช. ชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง โอนเงินค่าบริการผู้ป่วยใน (IP) ในรอบผลงานบริการเดือน ส.ค. ถึง 15 ก.ย. 2568 ไปแล้ว 756 ล้านบาท และจะโอนเงินค่าบริการผู้ป่วยในปี 2568 ที่อยู่ระหว่างการประมวลจ่ายเพิ่มเติมให้หน่วยบริการ 2,753 ล้านบาท รวมทั้งงบประมาณตาม พ.ร.บ.กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ 2569 อีกจำนวน 2,053 ล้านบาท ภายในสัปดาห์นี้ ส่วนค่าน้ำหนักสัมพันธ์ (AdjRW.) จาก 8,350 บาท ลดลงไปเหลือ 6,643 บาทนั้น เนื่องจากเป็นงบประมาณปลายปิด สปสช.ได้ดำเนินการของบกลางเพิ่มเติมเพื่อให้ได้อัตราดังกล่าว

ปรากฎว่าที่จังหวัดพิษณุโลก นพ.มาโนช อู่วุฒิพงษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก เปิดเผยว่า สปสช. ค้างชำระ 238 ล้านบาท แม้ล่าสุดเพิ่งชำระเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (16 ต.ค.) แต่ก็เป็นการชำระเพียง 15 ล้านบาทเท่านั้น แม้จะเกิดปัญหาด้านการเงินดังกล่าว แต่โรงพยาบาลอาจเลือกวิธียืดหนี้จากเจ้าหนี้อุปกรณ์การแพทย์ออกไปก่อน และจะดูแลรักษาผู้ป่วยตามมาตรฐาน อาจมีผลกระทบทางอ้อมบ้าง อาทิ การจ่ายยาเวชภัณฑ์ จากเดิมเคยจ่ายยาให้หลายๆเดือน อาจค่อยๆทยอยรับยา และอาจกระทบกับเงินค่าจ้างของบุคลากรลูกจ้างล่าช้าบ้าง แต่จะพยายามจ่ายเงินเดือนให้ตรงเวลาและครบถ้วน อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมารัฐบาลก็เห็นปัญหา และจัดสรรงบกลางมาให้ 4,000 ล้านบาท แต่เหตุใด สปสช. เคลียร์ปัญหาไม่ได้

ด้าน พญ.รัชริน เบญจวงศ์เสถียร ประธานองค์กรแพทย์โรงพยาบาลพุทธชินราชพิษณุโลก กล่าวว่า สถานการณ์การเงินมีปัญหามาก่อนหน้านี้ ก็พยายามสื่อสารให้ทราบตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมาแล้ว จึงมองว่าไม่ค่อยยุติธรรมแก่โรงพยาบาลเหมือนกัน จะติดตามการจ่ายคืนของ สปสช. หากยังไม่ได้รับการแก้ไข คือเหมือนเดิมไปเรื่อยๆ โรงพยาบาลก็คงรับไม่ไหว ก็เป็นห่วง แต่คำว่า หน้าที่แพทย์หรือผู้ปฎิบัติก็ทำงานแก่ผู้ป่วยเต็มที่ ยืนยันว่าคุณภาพการรักษาต้องมาก่อน ไม่ได้ลดของคุณภาพการรักษา ยังคงเหมือนเดิม อาจเป็นเรื่องของยาเวชภัณฑ์บ้าง


อีกด้านหนึ่ง นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย สมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุํก ระบุว่า ชมรมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ชมรมโรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลทั่วไป ชมรมโรงพยาบาลสังกัดกรมการแพทย์ และเครือข่ายสถาบันแพทย์แห่งประเทศไทย (Uhosnet) โดยทั้งหมดได้ร่วมลงนามในจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐมนตรี ขอให้ทบทวนการบริหารงบผู้ป่วยในของ สปสช. จุดปัญหาหลักคืออัตราจ่ายค่ารักษาผู้ป่วยในที่กำหนดไว้เพียง 8,350 บาทต่อหนึ่งน้ำหนักสัมพัทธ์ ซึ่งคิดเป็นเพียง 63 เปอร์เซ็นต์ของต้นทุนจริงที่เคยวิจัยไว้กว่า 13,000 บาท และล่าสุดยังมีการคำนวณย้อนหลังเพื่อลดอัตราจ่ายเหลือไม่ถึง 7,000 บาท พร้อมเรียกเงินคืนจากโรงพยาบาลทั่วประเทศ

นอกจากนี้ ยังมีการนำผลตรวจเวชระเบียนบางส่วนมาขยายผลถึง 33 เท่าเพื่อหักเงินเพิ่มจากโรงพยาบาล ซึ่งทุกฝ่ายเห็นว่าเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ที่ย่ำแย่อยู่แล้ว องค์กรแพทย์เรียกร้องให้ยกเลิกการขยายผลตรวจเวชระเบียน 33 เท่า ยกเลิกการคำนวณย้อนหลัง และหากงบไม่เพียงพอให้ สปสช. บันทึกเป็นลูกหนี้ของโรงพยาบาลแทน พร้อมชำระทันทีเมื่อได้รับงบเพิ่มเติม โรงพยาบาลจำนวนมากกำลังเผชิญภาวะการเงินวิกฤต หากยังคงบริหารงบในลักษณะนี้ต่อไป อาจกระทบต่อความมั่นคงของระบบบริการสาธารณสุขทั้งประเทศ

ทั้งนี้ ตนและ สว.หลายคนยังคงรอดูว่า นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รมว.สาธารณสุข จะจัดการกับปัญหานี้อย่างไร หากไม่มีการดำเนินการใดๆ เพื่อหาทางออกที่ดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ตน และ น.ส.รัชนีกร ทองทิพย์ สว. และ สว.คนอื่นๆ จะขอยื่นญัตติอภิปรายในสภาต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น