“อภิสิทธิ์” เตือนรัฐบาลเดินหน้ายกเลิก MOU 43–44 ต้องระมัดระวัง หวั่นกัมพูชารู้ข้อมูลความมั่นคงของไทย แนะทำการทูตเชิงรุกมากขึ้น เปิดทางกองทัพทำงานสะดวก ชี้ควรชี้แจงทางเลือกทดแทนก่อนจัดประชามติ
วันที่ 20 ต.ค.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายของพรรคฯ ต่อปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ขณะนี้กองทัพยังคงปฎิบัติภารกิจได้ดีและได้รับการสนับสนุนจากประชาชน ดังนั้นการเมืองก็ควรจะให้การสนับสนุนในการปฎิบัติภารกิจของกองทัพ แต่ปัญหาชายแดนหรือปัญหาความมั่นคง จะแก้โดยกองทัพไม่ได้ คือจะต้องแก้ควบคู่ไปกับทางการทูต นโยบายการต่างประเทศและการสร้างความเข้าใจที่ดี แต่สิ่งที่เรากังวลเล็กน้อยคือทิศทางของรัฐบาลขณะนี้ มันจะขาดความชัดเจน เนื่องจากเอาเรื่องของข้อตกลง หรือ เอ็มโอยู ไปผูกกับการจัดทำประชามติ ซึ่งเราอยากเห็นการทำงานในเชิงรุก
“หลายท่านคงจำได้ มีภาพของผมไปร่วมรับประทานอาหารกับท่านอนุทินซึ่งคิดว่าท่านคงไม่ว่าอะไร สามารถเล่าได้ว่า ในวันนั้นผมได้ฝากไว้ว่า จะต้องระมัดระวัง เพราะกัมพูชาใช้ทุกเวทีระหว่างประเทศ เราอย่าตั้งรับอย่างเดียว เราต้องทำเชิงรุกมากขึ้น ที่ผ่านมาจะเห็นว่ากัมพูชา มีรูปแบบในเชิงรุกการต่างประเทศมาก ท่าน รมว.ต่างประเทศจะต้องไปแก้ไข ซึ่งการแก้ไขในเวทีการประชุมสหประชาชาติก็เป็นไปได้ด้วยดี แต่เราต้องรุกบ้าง และการรุกจะทำให้กองทัพทำงานได้ง่ายขึ้น ถ้าตั้งรับอย่างเดียว กองทัพก็จะติดเงื่อนไขว่า ทางการต่างประเทศมากดดันแล้วจะเป็นอย่างไร ก็ฝากเรื่องนี้เอาไว้กับท่านนายกฯ ไปแล้ว” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า อยากเดินหน้าให้กับประเทศไทย กลับมาทำการเชิงรุก ซึ่งเราตั้งรับมานานด้วยเหตุว่า เป็นรัฐบาลรัฐประหาร อยากจะหลีกเลี่ยงความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์บ้าง แต่จริงๆ ดีที่สุดคือ การทำงานเชิงรุก เพราะสถานะของประเทศไทยในสายตาของประชาคมโลก เราสามารถมีบทบาทได้มากกว่าเป็นอยู่
เมื่อถามว่า กรณีที่รัฐบาลพิจารณาแนวทางการจัดทำประชามติยกเลิกเอ็มโอยู 43-44 เป็นเรื่องละเอียดอ่อนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นนโยบายของรัฐบาล และมีการแถลงต่อรัฐสภาไปแล้ว ถ้าถามตนก็มีข้อกังวลจำนวนมาก ประการแรกคือ ข้อตกลงเช่นนี้ เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายในการทำความเข้าใจ ในเชิงประเด็น กับประชาชน ประการที่สอง การให้ข้อมูลต่อประชาชนเพื่อตัดสินใจ แต่กัมพูชาก็จะรู้ข้อมูลพร้อมกับไทย ซึ่งจะเป็นปัญหาและอุปสรรคอยู่บ้าง
นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า เรื่องนี้ถ้ารัฐบาลยืนยันจะเดินหน้า สิ่งหนึ่งที่รัฐบาลจะต้องทำให้ชัดเจนด้วยก็คือ ถ้าจะยกเลิกเอ็มโอยู 43-44 โดยการตัดสินของประชาชน ทางเลือกคืออะไร และยุทธศาสตร์ในกรณีที่ไม่มีเอ็มโอยูคืออะไร ตนยังไม่ได้ยินทางรัฐบาลให้ทางเลือกนี้ ซึ่งตนมองว่าเรื่องนี้จะให้ความเป็นธรรมกับสังคม และประชาชน ว่าถ้าจะทำประชามติ ไม่เพียงแต่มีการยกเลิก แต่ถ้ายกเลิกแล้ว จะเดินไปในแบบไหนอย่างไร ประชาชนก็จะตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้นว่าควรจะเดินในรูปแบบใด หรือจะใช้ข้อตกลงเลย