จับตาศึกเดือดวุฒิสภา โหวตเลือก 2 กกต.ใหม่ ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ขั้วการเมืองหนุน สว.บางส่วนชงญัตติขอชะลอพิจารณา หวั่นเอื้อประโยชน์ทับซ้อน-กระทบความโปร่งใสขององค์กรอิสระ
การประชุมวุฒิสภาในวันที่ 20 ตุลาคม มีวาระการประชุมที่น่าสนใจ คึอ การให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แทนตำแหน่งที่ว่าง จำนวน 2 คน ได้แก่ นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ อดีตปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายณรงค์ รักร้อย อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี และอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร หลังจากที่กรรมาธิการสามัญเพื่อตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่ง ที่มี พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สว. เป็นประธานกมธ.ฯได้พิจารณาแล้วเสร็จ
ทั้งนี้ บุคคลที่ถูกเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้งดังกล่าวเป็นการแทนนายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง และ นายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ ที่พ้นตำแหน่งตามวาระ สำหรับนายอนันต์ และนายณรงค์ นั้น สมัครเข้ารับการสรรหาเป็น กกต. ด้วยคุณสมบัติตามมาตรา 8 (1) (ก) รับราชการหรือเคยรับราชการในตำแหน่งไม่ต่ำกว่าอธิบดีหรือหัวหน้าส่วนราชการที่เทียบเท่ามาแล้วไม่น้อยกว่า5ปี
น.ต.วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ สว. ให้สัมภาษณ์ว่า สว.เสียงข้างน้อยคงไม่สามารถโหวตทัดทานอะไรได้ เพราะ สว.เสียงข้างมากสามารถคุมเสียงได้เกิน 100 เสียงแล้ว และผลโหวตที่ออกมาจะเป็นอย่างไรนั้นตนไม่ทราบ เพราะต้องขอไปอ่านรายงานการตรวจสอบประวัติในห้องประชุมก่อน ส่วนที่มีข้อวิจารณ์ว่าเป็นผู้ที่ถูกเสนอชื่อให้วุฒิสภาเห็นชอบนั้นส่งตรงมาจากขั้วสีน้ำเงิน ตนมองว่าสื่อมวลชนและประชาชนสามารถพิจารณาได้
“สิ่งที่ผมติดใจ คือ การไม่เปิดเผย ไม่โปร่งใส การตรวจสอบประวัติเป็นความลับหมด ทุกอย่างไปว่ากันในห้องประชุมที่ปิดลับ ผมจึงอยากให้มีความโปร่งใส เพราะเป็นองค์กรอิสระที่ต้องเข้าไปทำหน้าที่ควบคุมและกำกับ อย่างไรก็ตามหลังจากที่สว.โหวตแล้ว ต้องให้ประชาชนคอยเป็นผู้กำกับและตรวจสอบต่อไป” น.ต.วุฒิพงศ์ กล่าว
ขณะที่ นายเทวฤทธิ์ มณีฉาย ได้เสนอญัตติด่วน ส่งถึงประธานวุฒิสภา เรื่อง ขอให้วุฒิสภาชะลอการพิจารณาเรื่องด่วนการให้ความเห็นชอบกกต.ดังกล่าว จนกว่าจะมีคําตัดสินเป็นที่ยุติในคดีที่สมาชิกวุฒิสภาจํานวนมากตกเป็นผู้ถูกร้องและผู้ร้อง โดยระบุในญัตติตอนหนึ่งว่า โดยที่ศาลรัฐธรรมนูญและคณะกรรมการการเลือกตั้งต่างเป็นองค์กรที่มีอํานาจหน้าที่ในการสืบสวนไต่สวน หรือพิจารณาคดีที่ซึ่งสมาชิกวุฒิสภาจํานวนมากตกเป็นผู้ถูกร้องและผู้ร้อง ในส่วนของคดีสมาชิกวุฒิสภาจํานวนมาก ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหามีเหตุอันควรสงสัยว่าได้กระทําการอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา ฯ ซึ่งขณะนี้ คณะกรรมการสืบสวนไต่สวนกลาง ชุดที่ 26 ของสํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ดําเนินการสืบสวนสอบสวนและจัดทําสํานวนคดีเสร็จสิ้นแล้ว อยู่ระหว่างการพิจารณาตามระเบียบและขั้นตอนของสํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง
ดังนั้น เพื่อเป็นหลักประกันในกระบวนการดําเนินคดีของศาลรัฐธรรมนูญและคณะกรรมการการเลือกตั้งที่สมาชิกวุฒิสภาตกเป็นผู้ถูกร้องและผู้ร้องจํานวนมากในขณะนี้จะดําเนินการไปโดยอิสระ เป็นกลาง ปราศจากการแทรกแซง ผู้ทําหน้าที่พิจารณาวินิจฉัยคดีจึงไม่ควรมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับคู่ความในคดี โดยเฉพาะการให้ความเห็นชอบผู้เข้ามาดํารงตําแหน่งดังกล่าวเพิ่มเติมในขณะนี้อันจะทําให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยในความยุติธรรมหรือความเป็นกลางต่อการปฏิบัติหน้าที่ทั้งต่อวุฒิสภาและทั้งสององค์กรข้างต้นได้ ด้วยเหตุผลข้างต้นจึงขอเสนอญัตติตามนัยแห่งข้อบังคับการประชุมวุฒิสภาพ.ศ. 2562 ข้อ 35 เพื่อให้ที่ประชุมวุฒิสภาได้พิจารณาญัตติดังกล่าวและมีมติต่อไปสําหรับเหตุผลและรายละเอียดเพิ่มเติมจะได้ชี้แจงในที่ประชุมวุฒิสภาต่อไป