สกสค.ค้างค่าลิขสิทธิ์แบบเรียนเกือบ 10 ปี กมธ.ป.ป.ช.สอบเข้ม ปมละเว้นทวงถามและพฤติการณ์เสี่ยงทุจริต ขณะที่งบปี 69 กว่า 3,000 ล้านบาท ยังต้องจัดการหนี้กว่า 6,000 ล้านบาท
กลายเป็นประเด็นร้อนที่ถูกนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2568 โดยมี นายอภิชาติ ตีรสวัสดิชัย เป็นประธานในการประชุม เพื่อตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างและการดำเนินการของ องค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) กรณีที่หน่วยงานนี้ถูกเปิดโปงว่า ค้างชำระค่าลิขสิทธิ์หลักสูตรหรือสื่อการเรียนรู้ที่เป็นของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มาเป็นเวลานานเกือบ 10 ปี
ทั้งนี้ ในการประชุมดังกล่าว นางภัทริยาวรรณ พันธุ์น้อย รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) และผู้เกี่ยวข้องจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เป็นผู้แทนเลขาธิการ กพฐ.เข้าชี้แจง โดยช่วงต้น นายปรีติ เจริญศิลป์ สส.นนทบุรี พรรคประชาชน ในฐานะรองประธานคณะ กมธ.ป.ป.ช. ได้สอบถามถึงหลักการ ในการเรียกเก็บค่าลิขสิทธิ์หลักสูตร หรือสื่อการเรียนรู้กับหน่วยงานต่างๆ ที่นำไปผลิตหนังสือแบบเรียน และขอข้อมูลในส่วนค่าลิขสิทธิ์แบบเรียนหลักสูตร ที่องค์การค้าของ สกสค.ค้างชำระอยู่
ผู้แทน สพฐ. ชี้แจงว่า การเรียกเก็บค่าลิขสิทธิ์หลักสูตร หรือสื่อการเรียนรู้นั้น เป็นการดำเนินการตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการเรียกเก็บค่าลิขสิทธิ์สื่อการเรียนรู้ใ นการศึกษาขั้นพื้นฐานและการศึกษาปฐมวัย พ.ศ.2552 โดยกำหนดให้ สพฐ.นำส่งต้นฉบับพร้อมลิขสิทธิ์ ให้กับหน่วยงานที่ดำเนินการผลิตหนังสือแบบเรียน ซึ่งในส่วนขององค์การค้าของ สกสค. ที่มีหน้าที่ในการผลิตหนังสือแบบเรียนของกระทรวงศึกษาธิการทุกปีการศึกษา ต้องชำระค่าลิขสิทธิ์หนังสือแบบเรียนแยกตามระดับชั้น ในอัตราร้อยละ 3, 5, 10 และ 15 ที่ผ่านมา สพฐ.ไม่ได้ทำการทวงถาม จึงไม่ทราบว่าเหตุใดองค์การค้าของ สกสค.จึงไม่ได้ชำระค่าลิขสิทธิ์ให้กับ สพฐ. มีเพียงช่วงโควิด-19 เท่านั้นที่แจ้งขอผลัดชำระเข้ามา
อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงต้นเดือน ต.ค.2568 สพฐ.ได้ทำหนังสือแจ้งเตือน องค์การค้าของ สกสค. ให้ดำเนินการชำระค่าลิขสิทธิ์ที่ค้างชำระ พร้อมรายละเอียดเกี่ยวกับเบี้ยปรับ ซึ่งทางองค์การค้าของ สกสค.ก็ได้มีหนังสือแจ้งกลับมาว่า จะทยอยชำระให้เดือนละ 3 ล้านบาท และชำระร้อยละ 40 ของจำนวนจ้างพิมพ์ แต่กระนั้น สพฐ.และองค์การค้าของ สกสค.ไม่ได้มีการทำสัญญา เกี่ยวกับการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์แบบเรียนระหว่างกัน ตามที่ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการเรียกเก็บค่าลิขสิทธิ์สื่อการเรียนรู้ในการศึกษาขั้นพื้นฐานและการศึกษาปฐมวัย พ.ศ.2552 กำหนด โดยยึดระเบียบกระทรวงศึกษาธิการดังกล่าวเป็นหลักปฏิบัติเท่านั้น
ขณะเดียวกัน กมธ.บางรายได้ตั้งข้อสังเกตว่า การที่องค์การค้าของ สกสค.ไม่ชำระค่าลิขสิทธิ์หลักสูตรหรือสื่อการเรียนรู้ให้แก่ สพฐ.ตามที่กำหนดในแต่ละปีนั้น ถือว่าไม่เป็นธรรมต่อหน่วยงานอื่นๆ ทั้งรัฐและเอกชนที่ผลิตและจำหน่ายหนังสือแบบเรียนเล่มที่ซ้ำกับองค์การค้าของ สกสค. แต่ชำระค่าลิขสิทธิ์หลักสูตรหรือสื่อการเรียนรู้ให้แก่ สพฐ.ตามกำหนดทุกปี ส่งผลให้องค์การค้าของ สกสค.มีต้นทุนการผลิตหนังสือแบบเรียนที่ต่ำกว่า จึงเสนอให้เชิญ กรมบัญชีกลาง มาสอบถามว่า การที่ สพฐ.ไม่ทวงถามหนี้ชำระค่าลิขสิทธิ์หลักสูตรจาก องค์การค้าของ สกสค. รวมถึงการที่องค์การค้าของ สกสค.ค้างชำระค่าลิขสิทธิ์มาเป็นเวลาเกือบ 10 ปีเข้าข่ายมีความผิด หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่อย่างไร รวมถึงอาจเข้าข่ายพฤติกรรมทุจริตด้วย
อีกด้านหนึ่ง นางนนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้เปิดผยถึงผลการประชุม บอร์ด สกสค.และคณะกรรมการองค์การค้า สกสค.ว่า บอร์ด สกสค.ได้อนุมัติกรอบงบประมาณของ สกสค.ปี 2569 ในวงเงินกว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งจำนวนนี้มีงบฯ องค์การค้า สกสค.รวมอยู่ด้วย
นอกจากนี้ที่ประชุมยังมอบหมายให้องค์การค้า สกสค.ไปทำแผนปรับโครงสร้างหนี้ รายงานให้ที่ประชุมทราบทุกครั้ง ว่ามีความคืบในการบริหารจัดการหนี้อย่างไรบ้าง เพราะขณะนี้ องค์การค้า สกสค.มีหนี้สินค่อนข้างสูงมากถึง 6,000 กว่าล้านบาท ไม่รู้ว่าหนี้จะลดลงเมื่อไหร่ จะต้องให้ผู้เชี่ยวชาญที่เป็นมืออาชีพมาให้คำแนะนำ ส่วนเรื่องการพิมพ์หนังสือแบบเรียนที่องค์การค้าฯ เคยได้ลิขสิทธิ์พิมพ์หนังสือเรียนนั้น เรื่องนี้ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานก็ถามอยู่ สัปดาห์หน้าองค์การค้าฯ จะเสนอแผนการพิมพ์มาเข้าที่ประชุม เพื่อเตรียมการได้ทันก่อนเปิดภาคเรียน