ลูกเนวินโอด! ทำอะไรก็โดน ย้ำเดินหน้าปราบสแกมเมอร์ไม่หยุด พร้อมศึกษา กม.ใหม่ “Active Cyber Defence” แฮกกลับได้แบบญี่ปุ่น
หนึ่งในรัฐมนตรีที่ทัวร์ลงมากที่สุดคงต้องยกให้กับนายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เพราะเวลานี้กำลังถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับความคืบหน้าในการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ และกรณีส่วย 40 ล้านบาท
นายไชยชนก ระบุว่า ยืนยันว่าไม่ได้นิ่งเฉย เพราะเรื่องนี้เป็นหนึ่งในเรื่องสำคัญที่กระทรวงดีอี เดินหน้ามาเยอะมาก ส่วนการตั้งคณะกรรมการโดยนายกฯ เป็นสิ่งที่ดีที่ทุกองคาพยพทำงานร่วมกัน ทำให้การแก้ไขทรงพลัง และหากดูจากรายชื่อของคณะกรรมการฯ จะพบว่ามีหลายหน่วยงาน รวมถึงหน่วยงานทหาร มีปัจจัยหลายอย่าง มีปัจจัยด้านการต่างประเทศมาเกี่ยวข้องในกัมพูชา ซึ่งมันมีข้จำกัดระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ มิจฉาชีพ หากเกิดในประเทศไทย ตำรวจมีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบเต็มที่ แต่หากข้ามแดนเราไป ตำรวจและทหารของไทยจะไม่สามารถทำอะไรได้ แต่ตอนนี้มีสิ่งหนึ่งที่ตนได้สั่งการให้ศึกษาแล้ว และเตรียมจะเสนอให้คณะกรรมการฯ นั่นคือการศึกษากฎหมายใหม่ "Active Cyber Defence 2025" ที่ประเทศญี่ปุ่นเพิ่งออกมา ซึ่งมีหลายประเทศทำในลักษณะคล้ายกัน เป็นกฎหมายที่ตอบโต้ทางไซเบอร์ได้ ยกตัวอย่าง มีการคุกคามเราทางไซเบอร์ เราสามารถมีทีมงานเฉพาะ หรือคณะกรรมการอนุมัติเรื่องต่อเรื่องและแฮคกลับได้ ไม่ได้ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ เวียดนามก็ทำ ญี่ปุ่นก็ทำ โดยปลายเดือนนี้ตนจะลงนามความร่วมมือที่สหประชาชาติด้วย
"ถามว่ามีอุปสรรคไหม ตั้งแต่ผมประกาศตัวมาเจออุปสรรครุมเร้ามาก ผมก็สงสัยเหมือนกัน คนคิดดีทำดี ทำงานเต็มที่กลายเป็นว่าโดนหมดทุกทางมากกว่าเดิม เป็นเรื่องที่น่าคิด แต่ก็สรุปอะไรไม่ได้ เราไม่มีหลักฐาน แต่ถ้ามีหลักฐานยังไงก็ดำเนินการเต็มที่ และกลุ่มที่ตั้งข้อสังเกตและนำเสนอ หากมีหลักฐานก็ควรนำมาให้ชัดเจน ช่วยกันดำเนินการเร็วขึ้น"นายไชยชนก กล่าว
สำหรับความคืบหน้าตรวจสอบเงินสินบน 40 ล้าน แลกกับการไม่เดินหน้าปราบปรามสแกมเมอร์ นายไชยชนก กล่าวว่า เพื่อความชัดเจน ตอนนี้สแกมเมอร์หรือไม่ ไม่แน่ใจ แต่เว็บที่ตรวจสอบพบถือว่าใช่ จะโยงสแกมเมอร์หรือไม่ ต้องแยกกันก่อน โดยขอให้รอชมความคืบหน้าในการตรวจสอบ
ขณะที่ พรรคเพื่อไทยก็ออกมาแสดงท่าทีกดดันให้กระทรวงดีอีเร่งดำเนินการ โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง อดีตรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) แสดงความคิดเห็นว่า ปัญหานี้เคยได้รับการแก้ไขจนเห็นผลเป็นรูปธรรมในรัฐบาลชุดที่แล้ว กลับมาเป็นปัญหาสำหรับพี่น้องประชาชน และประเด็นใหญ่ระดับโลกอีกครั้ง สืบเนื่องจากกรณีที่มีการกดดันจากสหรัฐสหราชอาณาจักร และเกาหลีได้ เดินหน้าปราบปรามติดตามขบวนการสแกมเมอร์ในกัมพูชาอย่างจริงจัง
นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเดินหน้ามาตรการเชิงรุก ยกระดับมาตรการปราบปรามขบวนการกล่าวเพื่อไม่ให้ประเทศไทยส่วนหนึ่งของอาชญากรรม เช่่น ดำเนินมาตรการ 3 ตัด คือ ตัดไฟ ตัดอินเทอร์เน็ต ตัดการขนส่งน้ำมัน เพื่อสกัดศูนย์กลางสแกมเมอร์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา การกลับมาเข้มงวดเรื่องการปิดเส้นทางธรรมชาติ เพื่อป้องกันการหลอกลวงเอาคนไทยข้ามไป และการลักลอบหนึกลับเข้ามาในประเทศอย่างผิดกฎหมาย การเร่งออกกฎหมายลำดับรองเพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติ (พ.ร.ก.) ป้องกันและปรามอาชญากรรมด้านไซเบอร์และพ.ร.ก.สินทรัพย์ดิจิทัล
ส่วนกรณีที่นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ออกมาแฉการสภาฯ ว่า 40 ล้านบาทมีบุคคลยื่นสินบน จำนวน 40 ล้านบาท แลกกับการไม่ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ นายประเสริฐ ระบุว่า สมัยตอนดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีอยู่ 2 ปี ไม่เคยมีใครมาพูดเรื่องนี้เลย แต่รัฐมนตรีคนใหม่ยังไม่เคยมานั่งในตำแหน่งเลย กลับมีคนมาเสนอเรื่องนี้แล้ว ฉะนั้น เรื่องนี้ที่รัฐบาลบอกว่าจะปราบอย่างจริงจังและบอกว่าจะใช้เวลาในการตรวจสอบภายใน 30 วันนั้น ความจริงไม่ควรใช้เวลาถึง 30 วันด้วยซ้ำ เพราะเรื่องนี้ท่านทราบดีว่าใครเป็นคนให้ข้อมูล เรื่องนี้ต้นตอหาไม่ยาก