ปัญหาหนี้สินครูยังเป็นเรื่องเรื้อรัง กระทบคุณภาพชีวิต ล่าสุด นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.ศึกษาธิการ ประชุมคณะกรรมการ สกสค. ตั้งเป้าจัดตั้งสหกรณ์กลางบริหารจัดการหนี้ มุ่งเน้นความโปร่งใส ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน พร้อมสรรหาผู้เชี่ยวชาญปรับโครงสร้างหนี้และเตรียมความพร้อมด้านหนังสือเรียนปีการศึกษาหน้า
แนวโน้มปัญหาหนี้สินครูยังคงเป็นประเด็นเรื้อรังที่กระทบต่อคุณภาพชีวิตของครูทั่วประเทศ แม้ที่ผ่านมาจะมีความพยายามจากหลายหน่วยงานในการแก้ไข แต่ยังขาดกลไกที่เป็นรูปธรรมและยั่งยืน ล่าสุด นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้เดินหน้านำร่องวางแนวทางแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ผ่านการประชุมคณะกรรมการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ครั้งที่ 6/2568 ด้วยการตั้งเป้าหมายจัดตั้งสหกรณ์กลางเพื่อเป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารจัดการหนี้ พร้อมเน้นหลักความโปร่งใสและตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน
นางนฤมล ระบุว่า การดำเนินการจัดตั้งสหกรณ์กลาง สกสค.ตามโครงการสวัสดิการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา ปี 2568 มีความคืบหน้าไปมาก โดยได้จัดทำหนังสือเสนอไปที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก่อนจะบรรจุในวาระการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีต่อไป นอกจากนี้ ยังได้มอบหมายให้ องค์การค้าของ สกสค. จัดหาผู้เชี่ยวชาญ สำหรับจัดทำแผนปรับโครงสร้างหนี้ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม และนำความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าวมารายงานต่อที่ประชุมคณะกรรมการ สกสค. ทุกครั้ง
ทั้งนี้ ในส่วนของการสรรหาและแต่งตั้งผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค. เพื่อจัดหาผู้รับผิดชอบและดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ขององค์การค้าของ สกสค. ให้เป็นไปอย่างราบรื่นและต่อเนื่องนั้น คณะกรรมการบริหารจะนำมาหารือในการประชุมครั้งหน้า และจะหารือเกี่ยวกับการจัดพิมพ์หนังสือแบบเรียน เพื่อเตรียมการได้อย่างทันท่วงทีในปีการศึกษาหน้า
นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ยังเห็นชอบแผนปฏิบัติการและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ของสำนักงานคณะกรรมการ สกสค. และบันทึกข้อตกลงการประเมินความคุ้มค่าเพื่อพัฒนาองค์การมหาชน ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการ สกสค. กับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (สำนักงาน ก.พ.ร.) เพื่อทำให้ผลการดำเนินงานมีประสิทธิภาพ คุ้มค่า และเป็นกลไกสำคัญ ในระบบนิเวศของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม โดยสำนักงานคณะกรรมการ สกสค. จะนำส่งบันทึกฯ ให้สำนักงาน ก.พ.ร. ต่อไป