ผู้ใช้งานแอปพลิเคชันธนาคารพริ้นซ์แบงก์ ประเทศกัมพูชา ไม่สามารถล็อกอินเข้าสู่ระบบได้ตั้งแต่เช้าที่ผ่านมา ก่อนที่ช่วงบ่ายธนาคารอ้างว่าปิดปรับปรุง ท่ามกลางกระแสข่าว "เฉิน จื้อ" ผู้ก่อตั้งกลุ่มพริ้นซ์ ถูกสหรัฐฯ ยึดทรัพย์คริปโตฯ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ธนาคารฯ ต้องชี้แจงว่าธนาคารยังคงดำเนินงานถูกต้องตามกฎหมาย แต่คู่ค้าบางรายอาจต้องทำตามคำแนะนำของสหรัฐฯ
วันนี้ (15 ต.ค.) เมื่อเวลา 13.10 น. เฟซบุ๊ก Prince Bank Plc. ของธนาคารพริ้นซ์แบงก์ ประเทศกัมพูชา ขึ้นข้อความเป็นภาษาเขมรและภาษาอังกฤษ เมื่อแปลเป็นภาษาไทยมีสาระสำคัญระบุว่า "ธนาคารขอแจ้งให้ทราบว่าขณะนี้แอปพลิเคชันมือถือและเว็บไซต์ PRINCE กำลังอยู่ระหว่างการปรับปรุงที่สำคัญ โปรดทราบว่าในช่วงเวลานี้แอปพลิเคชันอาจประสบปัญหาด้านประสิทธิภาพบางประการ เราขออภัยในความไม่สะดวกที่อาจเกิดขึ้น ทีมงานของเรากำลังทำงานอย่างหนักเพื่อให้การอัปเกรดเสร็จสมบูรณ์โดยเร็วที่สุด และจะแจ้งข้อมูลเพิ่มเติมให้ทราบเมื่อกระบวนการเสร็จสิ้น ขอขอบคุณสำหรับความเข้าใจและการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องของท่าน"
ข้อความดังกล่าวทำเอาลูกค้าธนาคารต่างแสดงความคิดเห็นว่า ขณะนี้เปิดแอปพลิเคชันธนาคารไม่ได้ตั้งแต่ช่วงเช้า เวลาประมาณ 08.30 น. ที่ผ่านมา แม้จะลองเปิด-ปิดอินเทอร์เน็ต และเปิด-ปิดเครื่องโทรศัพท์มือถือก็ตาม โดยที่ธนาคารไม่ได้แจ้งให้ทราบหรือประกาศออกมาก่อนหน้านี้ว่าจะปิดปรับปรุงชั่วคราว บางคนไปซื้อของเมื่อเช้านี้ไม่สามารถชำระค่าสินค้าได้ นอกจากนี้ ยังมีข้อสงสัยถึงความมั่นคงของธนาคารที่ออกมา หลังจากนายเฉิน จื้อ ผู้ก่อตั้งกลุ่มพริ้นซ์ หนึ่งในกลุ่มบริษัทที่ใหญ่ที่สุดของกัมพูชา ถูกอัยการกลางสหรัฐฯ ประกาศยึดคริปโตเคอร์เรนซีมูลค่ากว่า 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.9 แสนล้านบาท) จากขบวนการหลอกลงทุนแบบเชือดหมู (Pig Butchering) ที่มีต้นตอมาจากเครือข่ายแรงงานทาสในประเทศกัมพูชา
ทำให้เมื่อเวลา 14.17 น. เฟซบุ๊ก Prince Bank Plc. ของธนาคารพริ้นซ์แบงก์ ชี้แจงเป็นภาษาเขมร เมื่อแปลเป็นภาษาไทย มีสาระสำคัญคือการแจ้งให้ลูกค้า ผู้ถือหุ้น และประชาชนทั่วไปทราบว่า ธนาคารยังคงดําเนินงานอย่างอิสระ ถูกต้องตามกฎหมาย และมีใบอนุญาตเป็นธนาคารพาณิชย์อย่างครบถ้วนภายใต้การกํากับดูแลของธนาคารกลางกัมพูชา (NBC) จากการประกาศล่าสุดจากสํานักงานบริหารสินทรัพย์ต่างประเทศของกระทรวงการคลังสหรัฐอเมริกา (OFAC) ธนาคารยืนยันว่ายังดําเนินงานตามปกติ ตามกฎหมายและข้อบังคับของกัมพูชา การดําเนินการของ OFAC จะไม่มีผลต่อความสามารถและการดําเนินงานของธนาคารในประเทศกัมพูชา
อย่างไรก็ตาม พันธมิตรธุรกิจระหว่างประเทศหรือในท้องถิ่นบางราย อาจต้องปฏิบัติตามคําแนะนําของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ หรือของ OFAC ซึ่งอาจทําให้เกิดความล่าช้าหรือการแก้ไขในบริการธนาคาร หรือตัวแทนธนาคารแบบเฉพาะเจาะจง ธนาคารกําลังติดตามการพัฒนาอย่างใกล้ชิด และจะยังคงบริหารความสัมพันธ์ลูกค้าอย่างแข็งขันและโปร่งใส ทุกบริการธนาคาร ตู้เอทีเอ็ม แพลตฟอร์มดิจิทัลแบงก์กิ้ง และบริการที่สาขายังคงใช้งานได้ปกติ ลูกค้าสามารถเข้าถึงการเงิน ทําธุรกรรม และใช้บริการของธนาคารได้ตามปกติ
นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้นไม่มีอํานาจในการดําเนินงานแต่อย่างใด มีความเป็นอิสระระหว่างผู้ถือหุ้นและคณะกรรมการบริษัทฯ ธนาคารดำเนินงานและกํากับดูแลโดยคณะกรรมการอิสระที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน ส่วนคณะกรรมการบริหาร นําโดยซีอีโอที่มีประสบการณ์ด้านธนาคารอย่างกว้างขวางและมั่นใจว่าธนาคารยังคงมั่นคง บริหารจัดการอย่างมืออาชีพ และมุ่งเน้นไปที่การเติบโตในระยะยาวและความไว้วางใจของลูกค้า ธนาคารยืนยันว่ายังคงมุ่งมั่นในความซื่อสัตย์ ความมั่นคงทางการเงิน และปกป้องผลประโยชน์ของลูกค้าทุกคน และจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับธนาคารกลางกัมพูชาต่อไป เพื่อให้มั่นใจว่าการทําธุรกรรมเป็นไปตามกฎหมายและโปร่งใสในทุกขั้นตอน
อนึ่ง ก่อนหน้านี้สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เผยแพร่ข่าวสารระบุว่าอัยการกลางสหรัฐฯ ประกาศยึดคริปโตเคอร์เรนซีมูลค่ากว่า 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่มีต้นตอมาจากเครือข่ายแรงงานทาสในประเทศกัมพูชา และยังเปิดเผยคำฟ้องต่อ นายเฉิน จื้อ ซึ่งได้รับตำแหน่งเป็น ชาวจีนอพยพผู้ถือหนังสือเดินทางหลายสัญชาติรวมถึงหนังสือเดินทางกัมพูชา ทั้งยังได้รับตำแหน่งออกญา (Neak Oknha) และเป็นผู้ก่อตั้งกลุ่มพรินซ์ (Prince Group) หนึ่งในกลุ่มบริษัทที่ใหญ่ที่สุดของกัมพูชา โดยในปีนี้ เฉิน จื้อเพิ่งได้รับรางวัลนักธุรกิจแห่งปีในกัมพูชา ประจำปี 2568 จาก เวิลด์ บิสิเนส เอาท์ลุค อวอร์ดส์ (World Business Outlook Awards) และโครงการทุนการศึกษา เฉิน จื้อ (Chen Zhi Scholarship) ของทางกลุ่มบริษัทพรินซ์ ยังได้รับรางวัลความเป็นเลิศด้านความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) โดยรวมยอดเยี่ยมในกัมพูชา ประจำปี 2568 อีกด้วย ซึ่งทางการสหรัฐฯ ได้ตั้งข้อหาสมคบคิดฟอกเงินและสมคบคิดฉ้อโกงทางอิเล็กทรอนิกส์กับนายเฉิน แต่นายเฉินกลับยังสามารถลอยนวลอยู่ได้
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ยังประกาศคว่ำบาตรบริษัทในเครือของพรินซ์ กรุ๊ป หลายสิบแห่ง และขึ้นบัญชีให้เป็นองค์กรอาชญากรรม โดยปฏิบัติการกวาดล้างครั้งใหญ่นี้เกิดขึ้นท่ามกลางการระบาดของขบวนการหลอกลวงลงทุน หรือ สแกมเมอร์ที่เรียกว่า ‘Pig Butchering’ ซึ่งตั้งชื่อตามวิธีการขุนเหยื่อให้อ้วนก่อนนำไปเชือด โดยแก๊งเหล่านี้ได้สร้างความเสียหายให้แก่ชาวอเมริกันเป็นมูลค่าหลายล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
อัยการสหรัฐฯ กล่าวหาว่า นายเฉินได้เปลี่ยนกลุ่มพรินซ์ ให้กลายเป็นหนึ่งในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย และนำเงินที่ได้จากการฉ้อโกงไปซื้อทรัพย์สินหรูหรา เช่น เรือยอชต์, เครื่องบินเจ็ตส่วนตัว และภาพวาดของปิกัสโซที่ซื้อผ่านบริษัทประมูลในนิวยอร์ก เจ้าหน้าที่ระบุว่าสามารถยึดบิตคอยน์ (Bitcoin) ได้จำนวน 127,271 BTC ซึ่งปัจจุบันอยู่ในความดูแลของทางการสหรัฐฯ และมีมูลค่าประมาณ 15,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 490,000 ล้านบาท
อ่านข่าวก่อนหน้านี้