กลายเป็นวิวาทะที่น่าสนใจไปแล้วระหว่าง 'กัน จอมพลัง' อินฟลูเอ็นเซอร์ชื่อดัง กับ 'อังคณา นีละไพจิตร' สมาชิกวุฒิสภา และอดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ จากกรณีที่นำรถเครื่องเสียงเข้าไปเปิดเสียงเฮลิคอปเตอร์ เสียงเครื่องบิน F-16 และเสียงผี เพื่อกดดันชาวกัมพูชาที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว อาจละเมิดอนุสัญญาต่อต้านการทรมาน (CAT)
โดยในเรื่องนี้เริ่มมาจากการที่ นางอังคณา นีละไพจิตร โพสต์ข้อความระบุตอนหนึ่งว่า ในช่วงความขัดแย้ง สงคราม การปล่อยให้อินฟลู หรือกลุ่มบุคคลเข้าไปกระทำการเพื่อสร้างความกดดันหรือความหวาดกลัว ถือเป็นความท้าทายอย่างมากต่อรัฐบาลโดยเฉพาะ รมต. ต่างประเทศ ถึงแนวทางการแก้ปัญหาเพื่อหาทางออกร่วมกัน รัฐบาลไทยควรตระหนักว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นถูกรายงานไปยังองค์การสหประชาชาติ รัฐบาลควรตระหนักว่า การทำใด ๆ ที่ทำให้เกิดความหวาดกลัวหรือส่งผลกระทบต่อจิตใจของพลเรือนแม้จะเป็นคู่ขัดแย้งในสงคราม โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง อาจเข้าข่ายการทรมานทางจิตวิทยา (Psychological Torture) ตามอนุสัญญา CAT ที่ประเทศไทยเป็นภาคี อยากฟังว่ารัฐบาลจะชี้แจงเรื่องนี้อย่างไรในเวทีระดับโลก
จากการโพสต์ดังกล่าวทำให้นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ ‘กัน จอมพลัง’ แสดงความคิดเห็นว่า ส่วนตัวแปลกใจว่านักสิทธิฯ เก่งแต่กับคนไทย ไม่เห็นเก่งกับเขมรบ้างเลย เขมรอุ้มเด็กมา เอาคนท้องมายืนหน้าแนว ไม่บอกเขมรบ้างล่ะ เก่งแต่กับคนไทย แล้วเห็นคนไทยที่อยู่เขมรบ้างไหม ที่นอนอยู่ข้างถนน เขมรรักษาบ้างไหม ออกมาเรียกร้องบ้างสิ โลกสวยเกินไปบางทีมันก็ไม่ได้ผล เราตั้งคำถามเดิมๆ มา 40-50 ปี เราพยามพูดคุย รวมทั้งส่งหนังสือถึงเขมรหลายฉบับ แต่ได้ผลหรือไม่ ตอนนี้เราก็อยู่แบบเดิมๆ
“นักรบห้องแอร์ผมก็เป็นได้ ผมนั่งอยู่ในห้องแอร์ พิมพ์คีย์บอร์ดนั่งด่าเจ้าหน้าที่ก็ได้ แต่ผมไม่ทำ ผมมาช่วยชาวบ้านที่นี่ และหากให้ผมโลกสวย ก็ทำได้ หรือจะให้พูดตามหลักการก็ทำได้” นายกัณฐัศว์ ระบุ
ขณะที่ ท่าทีของฝ่ายไทยต่อเรื่องดังกล่าว พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงว่า ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจบริบทของพื้นที่ดังกล่าวก่อนว่า เป็นพื้นที่ที่ฝ่ายกัมพูชาบุกรุกเข้ามาในเขตไทย มีความขัดแย้งมาอย่างต่อเนื่อง และอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ โดยที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันก็ยังพบว่าฝ่ายกัมพูชามีการจัดตั้งมวลชนร่วมกับเจ้าหน้าที่ทางการ เข้าขัดขวางและยั่วยุต่อฝ่ายไทย ทำให้ประชาชนคนไทยได้รับผลกระทบและเกิดความไม่พอใจจำนวนมาก การแสดงออกของชาวไทยในการเปิดเครื่องเสียงดังกล่าวนั้น เป็นการแสดงออกด้วยวิธีที่ไม่ใช้ความรุนแรง เพื่อแสดงความไม่พอใจที่ฝ่ายกัมพูชาบุกรุกแผ่นดินไทย และบิดเบือนสร้างเรื่องราวตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาโดยไม่พยายามแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ระบุว่า ทุกคนที่เป็นคนไทย ไม่มีใครชอบที่มีคนรุกรานอธิปไตยของเรา แต่เราจะไปตำหนิเขา เขาก็แสดงออกในสิ่งที่คิดว่าทำแล้วทำให้คนทั่วไปรู้ว่านี่คือดินแดนประเทศไทย ซึ่งตนจะพยายามทำให้เป็นสากลมากที่สุด ซึ่ง กัน จอมพลัง เวลาที่เขาช่วยเหลือประชาชนก็ต้องยอมใจเขา ซึ่งตอนที่ตนเป็นฝ่ายค้านแล้วมีเหตุต้องอพยพชาวบ้าน 3 - 4 จังหวัด ตนไปดูแลประชาชนก็เจอแต่รถ กัน จอมพลัง จนตกใจว่าทำไมคนๆ เดียวถึงสามารถระดมความช่วยเหลือได้มากกว่ารัฐ และวันนี้เมื่อเราเข้ามาเป็นรัฐบาลแล้วก็ไม่ใช่ว่าไปแข่งกับ กัน จอมพลัง แต่ความช่วยเหลือแรกต้องมาจากรัฐบาลก่อน ส่วนคนดีๆ อย่าง กัน จอมพลัง ก็มาเสริม ซึ่งประชาชนได้ประโยชน์ รัฐบาลต้องไม่ผลักภาระนี้ให้ประชาชนดูแลกันเอง รัฐบาลต้องดูแลเป็นพื้นฐาน