xs
xsm
sm
md
lg

แพทองธาร เหนื่อยต่อ ป.ป.ช. สอบคลิปเสียง ยึดแนวคำวินิจฉัยศาลรธน.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



"แพทองธาร" เผชิญศึกใหม่! ป.ป.ช.เดินหน้าสอบคลิปเสียงคุย "ฮุน เซน" ยึดแนวคำวินิจฉัยศาล รธน. ชี้อาจถึงขั้นตัดสิทธิ์การเมืองถาวร

เพิ่งผ่านการแถลงข่าวโชว์วิสัยทัศน์นำพรรคเพื่อไทยกลับมายิ่งใหญ่ไปเมื่อไม่นานมานี้ ปรากฎว่าตอนนี้ 'แพทองธาร ชินวัตร' อดีตนายกรัฐมนตรี กำลังเผชิญกับคดีสำคัญอีกครั้ง ภายหลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.เดินหน้าตรวจสอบกรณีคลิปเสียงการสนทนากับกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา

ในเรื่องนี้ นายสุรพงษ์ อินทรถถาวร รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. ระบุว่า คดีนี้ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยแล้ว ซึ่ง ป.ป.ช.ก็จะดูสำนวนคำวินิจฉัยทั้งหมดว่าข้อเท็จจริงที่ 3 รัฐธรรมนูญวินิจฉัยมา ป.ป.ช. สามารถรับฟังความจริงเรื่องนี้อย่างไร โดยได้มีการตั้งองค์คณะไต่สวนไว้แล้ว การกระทำอาจแยกเป็น 2 ส่วน คือ ความผิดทางอาญา มีการกล่าวหาความผิดด้านความมั่นคง และ ความผิดมาตรฐานทางจริยธรรม ซึ่งในส่วนของศาลรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของคุณสมบัติ ที่ดำเนินตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ในส่วนของ ป.ป.ช. เป็นเรื่องที่นางสาวแพทองธาร จะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดไป หรือตัดสิทธิ์การใช้สิทธิ์เลือกตั้งไม่น้อยกว่า 10 ปี ซึ่งเป็นเรื่องของช่องทางที่องค์คณะไต่สวนข้อเท็จจริงจะดูว่า การกระทำของนางสาวแพทองธาร ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ ป.ป.ช จะต้องนำมาใช้เป็นหลักในการไต่สวนจะไปทิศทางอาญา หรือ จริยธรรม ซึ่งตรงนี้เป็นข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง ที่องค์คณะจะต้องไปดูและรับไปพิจารณา

ส่วนจะใช้เวลาพิจารณานานหรือไม่ โฆษกป.ป.ช. กล่าวว่า เบื้องต้นยังไม่สามารถให้ความคิดเห็นในประเด็นนี้ได้ แต่จากประสบการณ์การทำงานคดีฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมของตนเองคิดว่าไม่น่าจะใช้เวลานานมาก แต่มีขั้นตอนหนึ่งที่จะต้องใช้ระยะเวลา คือ หลังจากที่แจ้งข้อกล่าวหา แล้วผู้ถูกกล่าวหาที่แจ้งข้อเท็จจริงกลับมาจะใช้เวลาพอสมควร หากพูดว่าต้องเสร็จภายใน 6 เดือน แต่เรื่องนี้เป็นคดีสำคัญ นโยบายของประธาน ป.ป.ช. บอกว่าไม่ช้า เพราะที่ผ่านมาคณะกรรมการ ป.ป.ช.อยู่ในช่วงปฏิรูปองค์กร ดังนั้นคดีใดที่สื่อมวลชนสนใจและเป็นคดีสำคัญจะมีการกำหนดกรอบเวลาการทำงานทุกเรื่อง เช่น 15 วัน 30 วัน 60 วัน จะต้องมีความคืบหน้า ดังนั้น คดีที่มีความสำคัญ จึงไม่ต้องห่วง ตนเองจะตามให้อย่างแน่นอน

สำหรับกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเกี่ยวกับคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นายสุรพงษ์ ชี้แจงว่า เรื่องของคุณสมบัติเป็นเรื่องของการดำรงตำแหน่งว่าจะดำรงตำแหน่งได้หรือไม่ได้ แต่เรื่องของการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมที่ ป.ป.ช.มาดูนั้น และศาลฎีกามีคำพิพากษาออกมา เป็นเรื่องตัดสิทธิ์ทางการเมือง ถ้าไม่มีอะไรพลิกแพลง หรือเปลี่ยนแปลงไปแนวคำวินิจฉัยก็ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงจากที่ศาลเคยมีคำวินิจฉัยมาหลายๆคดีที่ผ่านมาที่เราชี้มูล และศาลฎีกาพิพากษามาแล้ว ซึ่งคิดว่าสื่อมวลชนก็น่าจะตามอยู่ ไม่ว่าจะเป็นคดีของสส.จังหวัดราชบุรี หรือ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ หรือ สส.ในสภาเสียบบัตรแทนกัน ก็ศาลฎีกาวินิจฉัยเป็นแนวปฏิบัติ ดังนั้น การทำงานของ ป.ป.ช. ก็ดี หรือ แนวทางที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมาก็ดีไม่น่าจะแตกต่างกันมาก
กำลังโหลดความคิดเห็น