เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ – แมรี อี. บรันโคว์ (Mary E. Brunkow)เฟรด แรมสเดลล์ (Fred Ramsdell) และ ดร.ชีมอน ซากะกูชิ (Shimon Sakaguchi) ชนะร่วมกันในรางวัลโนเบลแรกที่ประกาศวันจันทร์(6 ต.ค)ในสาขาการแพทย์สำหรับการค้นพบที่ยิ่งใหญ่สามารถเข้าใจการทำงานระบบภูมิคุ้มกันร่างกายและโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง (Autoimmune disease) ที่รู้จักในชื่อโรคพุ่มพวง
เลอมงด์ของฝรั่งเศสรายงานวันนี้(6 ต.ค)ว่า เป็นการประกาศรางวัลโนเบลแรกเกิดขึ้นในวันจันทร์(6)ที่จะมีการประกาศรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพที่ถือเป็นรางวัลใหญ่ในวันสุดท้ายซึ่งปีนี้มีการลุ้นกันมากว่าประธานาธิบดี โดนัลด์ เจ. ทรัมป์ของสหรัฐฯจะสร้างสถิติสามารถคว้ารางวัลโนเบลสันติภาพมาได้หรือไม่
กัมพูชาและปากีสถานเคยประกาศต่อสาธารณะจะเสนอชื่อผู้นำสหรัฐฯต่อรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพและผู้นำฝรั่งเศส ประธานาธิบดี เอ็มมานุเอล มาครง เคยประกาศกลางเวทีการประชุมใหญ่สหประชาชาติว่า ทรัมป์สามารถคว้ารางวัลโนเบลสาขาสันติภาพปีนี้มาครองได้เลยหากสามารถยุติสงครามกาซาได้
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงารน 2 วันก่อนหน้าชี้ว่า ผู้นำสหรัฐฯนั้นตามล่ารางวัลนี้อย่างเอาเป็นเอาตายและเขาเคยเปรยว่าคงรู้สึกผิดหวังหากไม่ได้มาและยังเป็นการดูหมิ่นต่อสหรัฐฯชาติที่ยิ่งใหญ่ท่ามกลางความเห็นจากบรรดาผู้เชี่ยวชาญที่ต่างไม่คิดว่าเขาจะได้ไป
เลอมงด์รายงานว่า คณะกรรมการรางวัลโนเบลแถลงว่า การค้นพบที่น่าอัศจรรย์โดย แมรี อี. บรันโคว์ (Mary E. Brunkow) จากสถาบันชีววิทยาระบบ( Institue For Systems Biology) เมืองซีแอตเติล รัฐวอชิวตัน เฟรด แรมสเดลล์ (Fred Ramsdell) จากบริษัทวิจัยการแพทย์ด้านพันธุกรรม Sonoma Biotherapeutics เมืองซานฟรานซิสโก ซึ่งทั้งสองเป็นผู้เชี่ยวชาญชาวอเมริกัน และนักวิจัยชาวญี่ปุ่น ดร.ชีมอน ซากะกูชิ (Shimon Sakaguchi) จากมหาวิทยาลัยโอซาก้า เมืองโอซาก้า ญี่ปุ่น ประสบความสำเร็จต่อการความเข้าใจหน้าที่ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายมนุษย์และสาเหตุที่ทำไมคนจึงไม่ล้มป่วยด้วยโรคภูมิแพ้ตัวเองที่ร้ายแรง
คณะกรรมการรางวัลโนเบลกล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า คนทั้งสามชนะรางวัลจากการที่สามารถบ่งชี้ “การ์ดปกป้องความปลอดภัย” ที่รู้จักในชื่อ เซลล์ T ชนิดควบคุม ((Regulatory T cells)งานวิจัยของพวกเขาเกี่ยวข้องกับความวิตกต่อ “ความทนทานของระบบภูมิกันย่อยส่วนปลาย” หรือ peripheral immune tolerance ที่ป้องกันระบบภูมิคุ้มกันจากการทำอันตรายร่างกาย และนำมาสู่สาขาใหม่ในการทำวิจัยและการพัฒนาการรักษาทางการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพที่ในเวลานี้กำลังอยู่ในขั้นการวิจัยทางคลินิก เป็นความหวังที่จะสามารถรักษาโรคระบบทำลายภูมิคุ้มกันตัวเอง สามารถรักษาโรคมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและป้องกันการเกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรงหลังการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด(stem cell)”
ศาสตราจารย์ซากะกูชิจากมหาวิทยาลัยโอซาก้าได้กล่าวในงานแถลงข่าวจากญี่ปุ่นว่า เขาหวังว่ารางวัลโนเบลจะเป็นโอกาสในสาขานี้เพื่อการพัฒนาต่อไป..ในทิศทางที่สามารถประยุกษ์ใช้ได้จากข้างเตียงที่แท้จริงและในทางคลินิกวิทยา”
อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าประหลาดเพราะคณะกรรมการรางวัลโนเบลยังไม่สามารถติดต่อนักวิจัยอเมริกัน 2 คนได้เพื่อประกาศข่าวดีด้วยตัวเอง โดยเลขาธิการใหญ่คณะกรรมการรางวัลโนเบล โทมัส เพิลแมนน์ (Thomas Perlmann) กล่าวอย่างติดตลกในงานแถลงข่าวประกาศรางวัลผู้ชนะว่า “หากพวกคุณได้ยิน โทรหาผม”
เลอมงด์รายงานต่อว่า นักวิจัยจากสถาบันชั้นนำของสหรัฐฯมักจะครอบครองรางวัลโนเบลสาขาทางวิทยาศาสตร์โดยส่วนใหญ่เนื่องมาจากการลงทุนมาอย่างยาวนานและเสรีภาพทางวิชาการ แต่ทว่าอาจมีการเปลี่ยนแปลงหลังจากการตัดงบประมาณอย่างมโหฬารต่อโครงการทางวิทยาศาสตร์โดยประธานาธิบดีสหรัฐฯคนปัจจุบัน โดนัลด์ ทรัมป์ นับตั้งแต่มกราคมต้นปี สถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐฯ NIH (National Institutes of Health) สั่งยุติการให้ทุนวิจัย 2,100 โครงการมูลค่าโดยรวม 9.5 พันล้านดอลลาร์และสัญญาร่วม 2.6 พันล้านดอลลาร์ อ้างอิงจาก Grant Watch